
Tetra Pak เร่งเครื่องแผนยั่งยืน “Scope 1-3” เดินหน้าสู่ Net Zero 2030 จัดการคาร์บอนภายใน Scope 1 & 2 ด้วยไฟฟ้าหมุนเวียน 100% จนถึงการลดการปล่อยในห่วงโซ่อุปทาน Scope 3 พร้อมเผยความคืบหน้าที่พิสูจน์ได้จริง ลดคาร์บอนแล้วกว่า 20% และลงทุนต่อเนื่องในนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนปีละ 100 ล้านยูโร
ในโลกที่เผชิญวิกฤติสภาพภูมิอากาศและแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม การดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนไม่ใช่เพียงการสร้างภาพลักษณ์ แต่เป็นเงื่อนไขของความอยู่รอด Tetra Pak ในฐานะผู้นำโซลูชันบรรจุภัณฑ์และแปรรูปอาหารระดับโลก กำลังพลิกกลยุทธ์การดำเนินงานทั้งระบบเพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2030 ผ่านการขับเคลื่อนแผนลดคาร์บอนที่ครอบคลุมตั้งแต่ Scope 1 และ 2 ในองค์กร จนถึง Scope 3 ในห่วงโซ่อุปทานและการบริโภค
พลังขององค์กรขับเคลื่อนความยั่งยืน
รัตนศิริ ติลกสกุลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบัน Tetra Pak มีพนักงานกว่า 4,000 คนทั่วโลก ทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์และลูกค้ากว่า 60 ประเทศ มีสำนักงานขายใน 89 ประเทศ โรงงานผลิต 51 แห่ง และศูนย์วิจัยพัฒนา 6 แห่ง รวมถึง Customer Innovation Center ในกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 8 ศูนย์นวัตกรรมระดับโลก

ปี 2024 บริษัทสร้างรายได้กว่า 12,800 ล้านยูโร ส่งมอบบรรจุภัณฑ์กว่า 178,000 ล้านกล่อง และเครื่องจักรบรรจุภัณฑ์กว่า 227 เครื่อง ทั่วโลก ซึ่งสะท้อนว่า Tetra Pak เป็นหัวใจของห่วงโซ่อาหารโลกที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อม
แผนลดคาร์บอนแบบครบวงจร: Scope 1-3
การเดินหน้าแผนยั่งยืนของ Tetra Pak ถูกวางเป็น Roadmap ชัดเจน ครอบคลุมทุกขอบเขตการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เริ่มตั้งแต่ Scope 1-3
Scope 1 – 2 ลดตรงจุดที่ควบคุมได้
- เปลี่ยนพลังงานภายในองค์กรเป็น พลังงานหมุนเวียน 94% พร้อมเป้าหมาย 100% ในปี 2030
- ปรับปรุงกระบวนการผลิตในโรงงาน เช่น ติดตั้ง Solar Panel และเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักร
- ลดการปล่อยก๊าซจากกิจกรรมองค์กร เช่น การเดินทาง และโลจิสติกส์ภายใน

ผลลัพธ์ที่ได้ล่าสุด คือ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกิจการของตนเองลง 54% จากปีฐาน 2019
Scope 3 – ความท้าทายใหญ่ในห่วงโซ่คุณค่า
ครอบคลุมซัพพลายเออร์ การขนส่ง ลูกค้า และการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังบริโภค ซึ่งเป็นจุดปล่อยก๊าซมากที่สุด Tetra Pak มุ่งเน้น:
- บรรจุภัณฑ์จากวัสดุหมุนเวียน เช่น Paper-Based Barrier แทนอะลูมิเนียม และ Polymer จากพืช (Plant-Based)
- ฝารีไซเคิล (Recycled Polymer Cap) และ Tethered Cap ที่ช่วยจัดเก็บง่ายขึ้น
- ลงทุนกว่า 42 ล้านยูโรพัฒนาโครงสร้างรีไซเคิล และขยายเครือข่ายจัดเก็บกล่องใช้แล้ว
- ทำงานร่วมกับสมาคมซาเล้งและร้านรับซื้อของเก่าในไทย และพันธมิตรในต่างประเทศเพื่อสร้างระบบรีไซเคิลที่มีมาตรฐาน
ผลลัพธ์ที่ได้คือ สามารถลดการปล่อยก๊าซก๊าซเรือนกระจกในห่วงโซ่ทั้งหมด 25% จากปีฐาน 2019

นอกจากนี้ Tetra Pak ยังเพิ่มอัตราการเก็บกล่องใช้แล้วในไทยจาก 150 ตัน (2022) เป็น เกือบ 700 ตัน (2024) หรือ เติบโต 4 เท่าในระยะเวลา 2 ปี
นวัตกรรมคือกุญแจ จากโรงงานถึงผู้บริโภค
Tetra Pak ไม่เพียงลดคาร์บอนในกระบวนการของตนเอง แต่ยังสร้าง เทคโนโลยีช่วยลูกค้าลดการปล่อยก๊าซ เช่น:
- Tubular Heat Exchanger ลดการใช้พลังงานได้ 40%
- Separator ระบบ Airtight ประหยัดไฟถึง 40%
- ใช้ เหล็กรีไซเคิล (Green Steel) ลดคาร์บอน 160-1,370 กก. ต่อเครื่อง
- ขยายการใช้ Plant-Based Cap ในไทยเพิ่มขึ้น 41% และส่งมอบ Tethered Cap กว่า 40 ล้านชิ้นในปี 2024
ยกตัวอย่างนวัตกรรมด้านเครื่องจักร Tetra Pak เป็น Supplier ที่สามารถส่งมอบเครื่องจักร อุปกรณ์ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ เครื่องจักรในระบบการผลิต Tetra Pak สามารถส่งมอบอุปกรณ์ได้ในหลากหลายมิติ ตั้งแต่ชุดผสม ชุดการแยกสกัด การกลั่น การแยกกาก เครื่องล้าง แล้วก็หัวใจสำคัญคือเครื่องฆ่าเชื้อ จากนั้นก็คือไปที่ เครื่องบรรจุ เครื่อง Distribution Line แม้กระทั่ง ในระบบของ Automation
ในมิติของผลิตภัณฑ์ที่เป็น UHT ผลิตภัณฑ์นั้นต้องฆ่าเชื้อแบบสมบูรณ์ เพราะฉะนั้นหัวใจของการผลิตคืออุปกรณ์ฆ่าเชื้อเลย พระเอกของมันคือ ชุดแลกเปลี่ยนความร้อน เราเรียกภาษาอังกฤษ Tubular Heat Exchanger หน้าที่ของมันคือในการแลกเปลี่ยนความร้อน พลังงาน ถ้าเราไปในโรงงานอุตสาหกรรม พลังงานที่ต้นทางที่ใช้คือพลังงานจากบอยเลอร์ ซึ่งจริงๆ แล้วบอยเลอร์ก็คือมาจากน้ำมันเตา หรือมาจากไฟฟ้า
สิ่งที่ Tetra Pak พัฒนามาตลอด จนถึงปัจจุบันเรามีเวอร์ชั่นที่ลดการใช้พลังงานลงถึง 40% นั่นหมายความว่าลูกค้า สามารถลดต้นทุนในการผลิต เมื่อลูกค้าลดต้นทุนในการผลิต ลดการใช้พลังงาน แน่นอนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อันนี้เป็นหัวใจสำคัญเลยในสำหรับผู้ผลิตเป็นหลัก

Circular Economy & Social Impact – สร้างระบบหมุนเวียนและสังคมที่เข้มแข็ง
นอกจากเทคโนโลยี Tetra Pak ยังลงทุนต่อเนื่องเพื่อสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุน 100 ล้านยูโรต่อปี ในการพัฒนานวัตกรรมวัสดุรีไซเคิล รวมทั้งการขยายความร่วมมือกับโรงงานรีไซเคิลกว่า 215 แห่งทั่วโลก
นวัตกรรมหนึ่งที่ Tetra Pak นำไปใช้กับลูกค้าที่สเปน คือ กล่องเครื่องดื่มแบบใหม่ โดยที่เราเลือกใช้ตัว Paper-Based Barrier ก็คือเป็นการใช้เยื่อกระดาษเป็นชั้นปกป้องแทนที่อะลูมิเนียม จากปกติ กล่องเครื่องดื่มมีสัดส่วนการใช้กระดาษมากถึง 70% อีก 25% เป็น Polymer อีก 5% เป็นอะลูมิเนียมฟอยล์ สำหรับนวัตกรรมใหม่ ช่วยเพิ่มสัดส่วนของการใช้กระดาษ ลดการใช้อะลูมิเนียมฟอยล์ ซึ่งก็จะ Contribute ในเรื่องของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยที่ล่าสุด เรามีการเปิดตัวการใช้นวัตกรรมใหม่ตกับลูกค้าที่สเปน เป็นกล่องที่เราเรียกว่า Tetra Pak Aseptic 200 Slim Leaf สำหรับแพ็คเกจตัวนี้ ช่วยเพิ่มการใช้กระดาษจากที่ปกติอยู่ที่ 70% with New Solution เพิ่มถึง 80% ในการใช้กระดาษ และเมื่อรวมกับการใช้ Polymer ที่มาจากพืช โดยที่ Tetra Pak Solution ใช้ Polymer จากต้นอ้อย ทำให้วัสดุหมุนเวียน สำหรับ Packaging ตัวนี้ เพิ่มมากขึ้นถึง 90% และโดยรวมเทำให้สามารถที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศได้มากถึง 33%

ปฏิญญา ศิลสุภดล ผู้อำนวยการฝ่ายความยั่งยืน บริษัทเต็ดตรา แพ้ค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในไทย Tetra Pak มีโครงการมือกับ Pro Thailand, Green Shelter และ BECARE ผลักดันกฎหมาย EPR (Extended Producer Responsibility) หรือ หลักการขยายความรับผิดชอบของผู้ผลิต ซึ่งเป็นกรอบกฎหมายที่กำหนดให้ผู้ผลิตรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์ของตนเองตลอดวงจรชีวิต ตั้งแต่การออกแบบ การผลิต การกระจาย การใช้งาน ไปจนถึงการรับคืน การเก็บรวบรวม การใช้ซ้ำ การรีไซเคิล หรือการบำบัด เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สร้างความยั่งยืน

นอกจากนี้ ยังอำนวยความสะดวกในการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์ ด้วยการสร้างจุดรับกล่องตาม Big C และปั๊มบางจาก
สำหรับด้านสังคม Tetra Pak สนับสนุนเด็ก 66 ล้านคนใน 49 ประเทศ ให้เข้าถึงเครื่องดื่มโภชนาการ รวมทั้งพัฒนาเกษตรกรโคนมรายย่อย 84,000 รายทั่วโลก และอีกกิจกรรมที่สำคัญคือ การยกระดับคุณภาพชีวิต ซาเล้งและผู้เก็บของเก่าในไทย ผ่านหลักสูตรอบรมและแอปฯ จัดการซื้อขาย เป็นการให้ความรู้และยกระดับคุณภาพชีวิตซาเล้งไปพร้อมกัน
จากการควบคุมภายใน สู่การเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ
Scope 1 และ 2 คือจุดเริ่มต้นที่ควบคุมได้ แต่สัดส่วนเพียง ไม่ถึง 10% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งหมด ความท้าทายจริงอยู่ที่ Scope 3 ซึ่งครอบคลุม Raw Material, Transportation และ Post-Consumer Waste การที่ Tetra Pak ลงทุนมหาศาลใน นวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ + ระบบรีไซเคิล + เครือข่ายสังคม คือการสร้างกลยุทธ์ที่ตอบโจทย์ทั้ง ธุรกิจ + โลก
และนี่คือเหตุผลที่ Tetra Pak ถูกมองว่าเป็น ผู้เล่นที่ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มสู่อนาคตคาร์บอนต่ำ
