
ธนาคารกสิกรไทยร่วมมือทุกภาคส่วน เปิดเวที EARTH JUMP 2025 ระดมความรู้และแนวทางรับมือวิกฤตภูมิอากาศ โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านของภาคธุรกิจไทยสู่ความยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนด้านกฎหมาย การเงิน และเทคโนโลยี โดยเฉพาะกลุ่ม SME ที่ยังต้องการแรงหนุนในระบบนิเวศใหม่ของเศรษฐกิจสีเขียว
รับมือโลกร้อนด้วยนโยบาย-การเงิน-เทคโนโลยี
ในวันแรกของงาน ผู้เชี่ยวชาญจากทั้งภาครัฐและเอกชนชี้ว่า “ความยั่งยืน” ไม่ใช่แค่กระแส แต่คือกติกาใหม่ของธุรกิจ โดยประเทศไทยกำลังเดินหน้าร่าง พ.ร.บ.การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่จะออกในปี 2569 ซึ่งรวมถึงมาตรการสำคัญ เช่น

- ระบบซื้อขายสิทธิการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (ETS)
- การเก็บภาษีคาร์บอนในบางอุตสาหกรรม
- การจัดตั้งกองทุนภูมิอากาศเพื่อสนับสนุนภาคประชาชน
Taxonomy และบทเรียนจากต่างประเทศ
ไทยถือเป็นผู้นำในอาเซียนด้าน Green Taxonomy หรือการจัดหมวดหมู่กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยอิงจากแนวทางสากลและกรณีศึกษาจากประเทศจีน ซึ่งเคยประสบปัญหามลพิษรุนแรง และสามารถพลิกสถานการณ์ได้ผ่านการใช้ Taxonomy ร่วมกับการสนับสนุนสินเชื่อสีเขียวและกฎระเบียบด้านการเปิดเผยข้อมูล

Climate Finance: เครื่องมือเปลี่ยนผ่านที่ขาดไม่ได้
หนึ่งในประเด็นสำคัญของงานคือบทบาทของ Climate Finance หรือเงินทุนเพื่อสภาพภูมิอากาศ ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็วในเอเชีย โดยเฉพาะในห่วงโซ่อุปทาน ธุรกิจขนาดกลางและเล็ก (SMEs) ยังคงเผชิญข้อจำกัดด้านเงินทุนและองค์ความรู้ ซึ่งภาคการเงินมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมช่องว่างนี้ ทั้งผ่านการให้คำปรึกษา เครื่องมือสนับสนุน และสินเชื่อที่ตอบโจทย์การลดคาร์บอน
กสิกรไทยเปิดกลยุทธ์ K-Climate Solutions หนุนลูกค้าสู่ Net Zero
ในเวทีเดียวกัน ขัตติยา อินทรวิชัย ซีอีโอธนาคารกสิกรไทย ระบุว่า “ธุรกิจต้องเริ่มจากการตรวจสุขภาพการปล่อยคาร์บอนของตัวเอง ตั้งเป้าหมาย และหาวิธีการที่ชัดเจนในการลดลง” พร้อมเปิดเผยแนวทาง K-Climate Solutions ที่ออกแบบเพื่อช่วยลูกค้าเปลี่ยนผ่านทั้งระบบ ตั้งแต่การประเมิน ไปจนถึงการลงทุนในโซลูชันที่ยั่งยืน

วันที่สองเน้น “โอกาสใหม่” สำหรับ SME
ในวันที่ 29 พฤษภาคม เวทีเสวนาเน้นเจาะลึกทางรอดของธุรกิจขนาดเล็กในยุค Net Zero ทั้งผ่านกรณีศึกษาจริง เช่น โรงแรมศิวาเทล กรุงเทพ และนวัตกรรมจากองค์กรชั้นนำ พร้อมเปิดตัว SME e-Handbook คู่มือการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจสีเขียวที่พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญ
