
ไทยยูเนียน สานต่อพันธกิจ SeaChange® 2030 เดินหน้าสร้างความยั่งยืน ขับเคลื่อนโครงการ Ocean Clean Up เก็บขยะทะเลแล้วกว่า 436 ตัน ตั้งเป้าสะสาง 1,500 ตันภายในปี 2030 เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 42%: ในขอบเขตที่ 1, 2, และ 3 ภายในปี 2030 และบรรลุ Net Zero ภายในปี 2050
ไทยยูเนียน ตอกย้ำความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนภายใต้โครงการ Change 2030 ด้วยงบลงทุนกว่า 3,500 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งมิติพนักงาน สิ่งแวดล้อม และชุมชนทั่วโลก โดยหนึ่งในไฮไลท์สำคัญคือ “Ocean Clean Up” ที่เดินหน้าลดปัญหาขยะทะเลซึ่งประเทศไทยถูกจัดให้อยู่ใน 10 อันดับประเทศที่ปล่อยขยะลงสู่มหาสมุทรมากที่สุด

ลงมือจริง สร้างผลลัพธ์จับต้องได้
ปัญจพร คู่สามารถ Head of Corporate Communications บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2566 ไทยยูเนียนได้จัดกิจกรรมเก็บขยะทะเลในวัน World Ocean Day (8 มิถุนายน) ขยายผลจากจังหวัดสมุทรสาครสู่ 11 ประเทศ ครอบคลุมทั้งเอเชีย ยุโรป แอฟริกา และอเมริกา ได้แก่ ไทย สหรัฐอเมริกา กานา เซเชลส์ สหราชอาณาจักร นอร์เวย์ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี โปแลนด์ โดยขณะนี้ สามารถเก็บขยะได้รวมแล้วกว่า 436 ตัน ภายในระยะเวลา 3 ปี จากเป้าหมาย 1,500 ตันภายในปี 2030

ขยะที่เก็บได้มีทั้ง ขวดพลาสติก, ซองขนม, รองเท้าแตะ, จนถึง ขยะผิดปกติ อย่างตู้เย็นหรือที่นอน ขณะที่บางประเทศเช่น กาน่า พบปริมาณ อวนประมง (Ghost Gear) สูงถึง 10 ตันต่อปี ซึ่งเป็นขยะอันตรายต่อระบบนิเวศทะเลโดยตรง
จาก CSR สู่กลยุทธ์ความยั่งยืน
การฟื้นฟูระบบนิเวศ (Ecosystem Restoration) ไทยยูเนียน เน้นเรื่องป่าชายเลน หรือการทำปะการัง ซึ่งดำเนินโครงการมาเป็นปีที่ 3 แล้ว

การดำเนินการของไทยยูเนียน ถือเป็นการยกระดับการทำงานจาก CSR สู่การลงทุนเชิงกลยุทธ์ โดยโครงการ SeaChange® 2030 ครอบคลุม 11 ภารกิจหลัก เช่น การลดก๊าซเรือนกระจก (GHG Reduction) ผ่านการปรับปรุงโรงงานและระบบน้ำเสีย, Responsible Sourcing ตรวจสอบการทำประมงอย่างรับผิดชอบได้แล้วกว่า 97% ถือเป็นผู้นำระดับโลก, Low-Carbon Shrimp Project เพาะเลี้ยงกุ้งคาร์บอนต่ำร่วมกับพันธมิตรในห่วงโซ่คุณค่า, Sustainable Packaging ตั้งเป้าบรรจุภัณฑ์ทั้งหมดรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2030 ตัวอย่าง นวัตกรรมคือแบรนด์ John West ที่อังกฤษ ได้เปลี่ยนจากการใช้พลาสติกหุ้มกระป๋องปลาทูน่ามาเป็นแผ่นอลูมิเนียม ซึ่งสามารถรีไซเคิลได้ 100% อย่างไรก็ตาม เป้าหมายด้านบรรจุภัณฑ์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมายังไม่เป็นไปตามเป้า, Ecosystem Restoration ฟื้นฟูป่าชายเลนและแนวปะการังต่อเนื่อง

ส่วนของการจัดหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน (Responsible Sourcing) เป็นหนึ่งในโครงการไฮไลท์ที่สร้างผลกระทบต่อธุรกิจ โดยต้องมั่นใจว่าวัตถุดิบ เช่น ปลาทูน่า มาจากการประมงที่ถูกต้อง ปัจจุบันองค์กรทำ “On the water monitoring” (การตรวจสอบกิจกรรมบนเรือประมง) ได้ถึง 97% ซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ และถือเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมซีฟู้ดระดับโลก

นวัตกรรมลดขยะและขยายผลสู่ชุมชน
พรภัสรา เอกกุล ผู้จัดการแผนกฝ่ายการพัฒนาที่ยั่งยืนและกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย 1,500 ตัน องค์กรยังใช้นวัตกรรมและพันธมิตรใหม่ ๆ เข้ามาช่วย เช่น Second Life จ้างแรงงานท้องถิ่นเก็บขยะ ตั้งเป้า 220 ตันต่อปี, HIPPO เครื่องดักขยะในแม่น้ำเจ้าพระยา ป้องกันไม่ให้ขยะไหลสู่ทะเล, ARIEL Project ใช้โดรนและ AI ตรวจจับอวนประมงผีในทะเลสุราษฎร์ธานี ที่มุ่งเน้นการเก็บ Ghost Gear (อุปกรณ์ประมงผี) หรืออวนที่หลุดรอดลงสู่ทะเลโดยเฉพาะ โดยตั้งเป้าเก็บ Ghost Gear ให้ได้ 3,000 กิโลกรัม (3 ตัน) ภายในระยะเวลาโครงการนำร่อง 6 เดือน (กรกฎาคม-ธันวาคม 2568)
ขณะเดียวกันยังทำงานร่วมกับ อบจ. สมุทรสาคร, หน่วยงานท้องถิ่น และ NGO ระดับนานาชาติ เพื่อสร้าง จิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม ให้ชุมชน โดยทุกกิจกรรมยึดหลัก Zero Landfill ไม่มีขยะเหลือทิ้งสู่บ่อฝังกลบ

สร้างคุณค่าให้ธุรกิจและสังคมไปพร้อมกัน
แม้ปริมาณขยะที่เก็บจากการทำความสะอาดแบบครั้งเดียวจะไม่ได้มากนัก แต่ผลกระทบที่ชัดเจนที่สุดคือ จิตสำนึก และความร่วมมือของคนในชุมชนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ อบต. โคกขาม และโรงงานเอกชนอื่นๆ ในพื้นที่สมุทรสาคร เริ่มจัดกิจกรรมเก็บขยะของตนเองตามมา
ขยะทั้งหมดที่เก็บได้จากกิจกรรม Ocean Clean Up จะถูกนำไปจัดการอย่างเหมาะสม โดยขยะส่วนใหญ่ที่รีไซเคิลไม่ได้จะถูกส่งให้ อบจ. นำไปทำเป็นเชื้อเพลิง ทำให้ไม่มีขยะเข้าสู่บ่อฝังกลบ (Landfill) เลย ขณะเดียวกัน พนักงานต่างมีส่วนร่วม จากการจัดกิจกรรมภายใน (internal engagement) เช่น การให้พนักงานเก็บฝาขวดพลาสติกเพื่อนำไปรีไซเคิลเป็นเหรียญรางวัลสำหรับงานวิ่ง

ไทยยูเนียนย้ำว่าการสร้างความยั่งยืนไม่ใช่เพียงความรับผิดชอบต่อสังคม แต่คือ กลยุทธ์ระยะยาวของธุรกิจ ที่สร้างสมดุลทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และคุณภาพชีวิตแรงงาน ซึ่งทั้งหมดนี้สอดคล้องกับแนวทาง ESG (Environmental, Social, Governance) ที่องค์กรทั่วโลกให้ความสำคัญ
