การประชุมเพื่อจัดทำ สนธิสัญญาพลาสติกโลก ครั้งที่ 5.2 (INC-5.2) ซึ่งทั่วโลกคาดหวังให้เป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในการแก้ปัญหามลพิษพลาสติก ต้องสะดุดลงอีกครั้ง หลังการประชุมรอบล่าสุดที่นครเจนีวา ระหว่างวันที่ 5-14 สิงหาคม 2568 ปิดฉากโดยไม่มีข้อตกลงร่วมกัน แม้จะมีการหารือยาวนานถึง 10 วัน
การประชุม INC-5.2 ครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วมกว่า 2,600 คน จาก 183 ประเทศ รวมถึงรัฐมนตรีและผู้แทนระดับสูง เป้าหมายคือการสรุปร่างสนธิสัญญาที่มีผลผูกพันทางกฎหมายในการแก้ปัญหาพลาสติกทั่วโลก แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถบรรลุฉันทามติได้ เพราะความเห็นต่างที่ฝังลึก
อิงเงอร์ แอนเดอร์เซน ผู้อำนวยการโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ยอมรับว่า นี่คือ “10 วันที่ยากลำบาก” ท่ามกลางแรงกดดันทางเศรษฐกิจ การเมือง และผลประโยชน์ของแต่ละประเทศ

ความขัดแย้งใหญ่: ลดการผลิต vs จัดการมลพิษ
ฝ่ายแรก ราว 100 ประเทศ นำโดยประเทศที่ต้องการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เสนอให้ จำกัดการผลิตพลาสติก เพราะมองว่าการลดการผลิตคือวิธีเดียวที่จะจัดการวิกฤติได้จริง
ขณะที่ อีกฝ่าย โดยเฉพาะประเทศผู้ผลิตน้ำมัน เช่น ซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย เห็นว่าพลาสติกยังจำเป็นต่อเศรษฐกิจ และเสนอให้มุ่งเน้น รีไซเคิลและการจัดการขยะ แทนการลดการผลิต โดยเฉพาะเมื่อโลกกำลังลดการใช้น้ำมันและดีเซล พวกเขาเสนอให้มุ่งเน้นการปรับปรุงระบบจัดเก็บและรีไซเคิลแทนที่จะจำกัดการผลิต
ความแตกต่างทางแนวทางนี้ ทำให้ร่างข้อความสุดท้ายของสนธิสัญญาพลาสติกโลกยังไม่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ชัดเจนคือ ทุกประเทศยังต้องการนั่งโต๊ะเจรจาต่อไป

แม้เราจะยังไม่ได้ร่างสนธิสัญญาที่หวังไว้ แต่ UNEP จะเดินหน้าต่อสู้กับมลพิษจากพลาสติกต่อไป—มลพิษที่อยู่ในน้ำใต้ดิน ในดิน ในแม่น้ำ ทะเล และแม้กระทั่งในร่างกายของเราเอง
หากย้อนกลับไป การเดินหน้าสู่สนธิสัญญาพลาสติกโลกเริ่มขึ้นเมื่อมีมติประวัติศาสตร์ที่สมัชชาสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEA) เดือนมีนาคม 2022 เพื่อจัดทำข้อตกลงที่มีผลผูกพันทางกฎหมายในการแก้ปัญหามลพิษจากพลาสติก รวมถึงในทะเล
การประชุมที่ผ่านมาได้จัดขึ้นในหลายประเทศ ได้แก่
- INC-1 ที่ปุนตาเดลเอสเต (2022)
- INC-2 ที่ปารีส (2023)
- INC-3 ที่ไนโรบี (2023)
- INC-4 ที่ออตตาวา (2024)
- INC-5.1 ที่ปูซาน เกาหลีใต้
โดยร่างการเจรจาที่เจนีวาเริ่มต้นจาก “Chair’s Text” ของการประชุมก่อนหน้า แต่แม้จะมีการปรับปรุงและหารืออย่างเข้มข้น ก็ยังไม่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้
ไม่มีฉันทามติ: โลกต้องเจอกับอะไรบ้าง?
การล้มเหลวครั้งนี้อาจไม่ใช่แค่ความล่าช้าทางการเมือง แต่จะส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและมนุษย์อย่างลึกซึ้ง
- มลพิษพลาสติกจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพราะไม่มีกรอบควบคุมระดับโลก
- สัตว์ทะเลและระบบนิเวศเสี่ยงสูญเสีย จากการกลืนหรือพันพลาสติก
- ไมโครพลาสติกปนเปื้อนในอาหาร น้ำ และอากาศ กำลังเข้าสู่ร่างกายมนุษย์ ซึ่งอาจก่อโรคในอนาคต
- การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น เพราะการผลิตพลาสติกเกี่ยวพันกับอุตสาหกรรมฟอสซิล
- กลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบหนัก เด็ก ชุมชนยากจน และประเทศกำลังพัฒนา ขาดการป้องกันและการสนับสนุน
แนวโน้มในอนาคต: หากไม่มีข้อตกลงโลก ภาพที่เราจะเห็นคือ…
- พลาสติกใช้ครั้งเดียวพุ่งสูงขึ้น – รายงานหลายฉบับคาดว่า หากไม่มีการลดการผลิต โลกจะผลิตพลาสติกเพิ่มอีกกว่า 40% ภายในปี 2040
- เศรษฐกิจหมุนเวียนเดินหน้าช้ากว่าที่ตั้งเป้า – การรีไซเคิลยังไม่ทั่วถึง โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา
- เทคโนโลยีใหม่อาจกลายเป็นความหวัง – เช่น พลาสติกชีวภาพ หรือโซลูชันรีไซเคิลระดับโมเลกุล แต่ต้องใช้เวลาและต้นทุนสูง
- แรงกดดันต่อภาคธุรกิจเพิ่มขึ้น – ผู้บริโภคเรียกร้องความยั่งยืนมากขึ้น แบรนด์ใหญ่ต้องปรับตัวก่อนกฎหมายบังคับใช้
- การเจรจารอบใหม่จะเข้มข้นขึ้น – เพราะแรงกดดันจากประชาคมโลกและวิกฤติที่รุนแรงขึ้น
ทำไมสนธิสัญญาพลาสติกโลกถึงเร่งด่วน?
ปัจจุบัน ขยะพลาสติกพบตั้งแต่มหาสมุทรลึกจนถึงยอดเขา และแม้แต่ในเลือดของมนุษย์ หากไม่มีกรอบกฎหมายสากลที่ผูกพันทุกประเทศ วิกฤตินี้จะรุนแรงขึ้นแบบไม่สามารถย้อนกลับได้ การควบคุมมลพิษจากพลาสติกไม่ใช่เพียงทางเลือกด้านสิ่งแวดล้อม แต่เป็นความจำเป็นต่อสุขภาพของโลกและมนุษยชาติ
ขยะพลาสติกจำนวนมาก โดยเฉพาะพลาสติกใช้ครั้งเดียว แพร่กระจายไปทุกมุมโลก ตั้งแต่มหาสมุทรลึกจนถึงยอดเขาสูง
ผลกระทบมหาศาลตามมา:
- สัตว์น้ำมักเข้าใจผิดคิดว่าเศษพลาสติกคืออาหาร ก่อให้เกิดบาดเจ็บ ภาวะขาดอาหาร และการตายในที่สุด
- ไมโครพลาสติกที่เกิดจากการสลายตัวของพลาสติกขนาดใหญ่ ถูกตรวจพบในอาหาร น้ำ และแม้กระทั่งอากาศที่เราหายใจ ซึ่งผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาวยังอยู่ระหว่างการศึกษา
- การผลิตพลาสติกเชื่อมโยงโดยตรงกับอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงฟอสซิล และเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ซ้ำเติมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
สนธิสัญญาพลาสติกโลก จึงไม่ใช่แค่เรื่องสิ่งแวดล้อม แต่เป็นเรื่อง สุขภาพมนุษย์ ความมั่นคงทางอาหาร และความยั่งยืนของเศรษฐกิจโลก
โลกไม่อาจรอให้ทุกฝ่ายเห็นตรงกันก่อนจึงเริ่มแก้ปัญหา เพราะเวลาของเรากำลังหมดลง ทุกนาทีที่เสียไปคือขยะพลาสติกที่เพิ่มขึ้นและอนาคตที่เสี่ยงกว่าเดิม
นี่คือเหตุผลว่าทำไม สนธิสัญญาพลาสติกโลกจึงเป็นภารกิจเร่งด่วนอย่างที่สุด
ที่มา : https://www.innovationnewsnetwork.com/global-plastics-treaty-negotiations-collapse/60847/

