“ความร่วมมือด้านความยั่งยืนจะเป็นพลังขับเคลื่อนใหม่ และคืออนาคตที่จีน–ไทยจะก้าวไปด้วยกัน”…คำกล่าวของ เจียง เหว่ย อัครราชทูตที่ปรึกษาฝ่ายเศรษฐกิจและพาณิชย์ สถานเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย ในเวทีปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “สู่อนาคตร่วมกันอย่างยั่งยืน: ความร่วมมือจีน–ไทยในการขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน” งาน “TCP Sustainability Forum 2025” ปีที่ 4
ปี 2025 นับเป็น วาระครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตจีน–ไทย ที่ทั้งสองประเทศเดินเคียงข้างกันบนเส้นทางแห่งความไว้วางใจและความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้น และในก้าวต่อไป “ความยั่งยืน” กำลังจะกลายเป็น จุดร่วมเชิงกลยุทธ์ ที่สร้างโอกาสใหม่ทั้งด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม และสังคม
จีนกับวิสัยทัศน์ “การพัฒนาที่ยั่งยืน”
เจียง เหว่ย อธิบายว่า จีนได้พัฒนาแนวคิดการเติบโตใหม่ที่เชื่อมโยงทั้ง นวัตกรรม การเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การเปิดกว้าง และการแบ่งปัน ซึ่งสอดคล้องกับ วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 ของสหประชาชาติ

จีนได้กำหนดเป้าหมาย “คาร์บอนคู่” (Carbon Peaking & Carbon Neutrality) โดยตั้งเป้าลดการปล่อยคาร์บอนสูงสุดภายในปี 2030 และไปสู่ ความเป็นกลางทางคาร์บอนภายในปี 2060 ควบคู่กับการผลักดันพลังงานสะอาด ยานยนต์ไฟฟ้า เศรษฐกิจหมุนเวียน และการปฏิรูประบบอุตสาหกรรมให้เขียวและชาญฉลาดยิ่งขึ้น
“เราเชื่อว่าการพัฒนาที่ยั่งยืนไม่ใช่ทางเลือก แต่คือเส้นทางเดียวที่จะสร้างความสมดุลให้เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” เจียงกล่าว
ความสำเร็จที่จับต้องได้ของจีน
เศรษฐกิจเติบโตควบคู่สิ่งแวดล้อม: จีนรักษาการเติบโตเฉลี่ย 6% ต่อปี ขณะที่ความเข้มข้นการใช้พลังงานต่อ GDP ลดลงกว่า 35%
พื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น: อัตราปกคลุมป่ามากกว่า 25% ทำให้จีนติดอันดับประเทศที่เพิ่มพื้นที่ป่าได้มากที่สุดในโลก
ผู้นำพลังงานสะอาดและยานยนต์ไฟฟ้า: ครองอันดับ 1 ของโลกทั้งด้านพลังงานแสงอาทิตย์และการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) โดยมีแบรนด์จีนเข้ามาลงทุนในไทยจำนวนมาก
โมเดลเมืองสีเขียว: ปักกิ่งและเซินเจิ้นได้เปลี่ยนระบบขนส่งสาธารณะสู่การใช้พลังงานใหม่เต็มรูปแบบ พร้อมขยายโครงการเมืองปลอดคาร์บอนกว่า 100 แห่ง
โอกาสความร่วมมือจีน–ไทย
เจียง ได้เสนอแนวทางในการยกระดับความร่วมมือด้านความยั่งยืนระหว่างจีน–ไทย ดังนี้
- จับมือพัฒนาพลังงานสะอาด – ไทยมีศักยภาพด้านแหล่งพลังงานทดแทน ขณะที่จีนมีเทคโนโลยีและอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง การร่วมมือจะช่วยเสริมแกร่งห่วงโซ่อุตสาหกรรม EV, พลังงานแสงอาทิตย์ และชีวพลังงาน
- ผลักดันเกษตรสีเขียว – ไทยเป็นฐานทรัพยากรเกษตร ส่วนจีนมีเทคโนโลยีการเพาะปลูกอัจฉริยะและระบบตรวจสอบย้อนกลับสินค้า หากจับมือกันจะสามารถสร้าง แบรนด์สินค้าเกษตรสีเขียวจีน–ไทย ที่แข่งขันได้ในระดับโลก
- สร้างเวทีการค้าและนวัตกรรมร่วมกัน – ผ่านงานแสดงสินค้าใหญ่ เช่น China Import Expo, Canton Fair และในไทยเองก็เตรียมจัดงาน “ไทย–จีน 2025” ที่เมืองทองธานี ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการสองประเทศเชื่อมโยงธุรกิจอย่างใกล้ชิด
อนาคตที่เดินไปด้วยกัน
จีนและไทยต่างมีโมเดลพัฒนาที่สอดคล้องกัน คือ แนวคิดการพัฒนาใหม่ของจีน และ โมเดล BCG ของไทย (เศรษฐกิจชีวภาพ–เศรษฐกิจหมุนเวียน–เศรษฐกิจสีเขียว) การเดินหน้าร่วมกันไม่เพียงสร้าง เศรษฐกิจที่แข่งขันได้ แต่ยังสร้าง อนาคตที่ยั่งยืนสำหรับคนรุ่นต่อไป
“จีนและไทยมิใช่เพียงหุ้นส่วน แต่คือครอบครัว ความยั่งยืนคือสะพานเชื่อมอนาคตที่เราจะร่วมสร้างไปด้วยกัน” – เจียง เหว่ย กล่าวว่า

