
จระเข้ คอร์ปอเรชั่น ก้าวสู่ปีที่ 33 ด้วยตำแหน่งผู้นำตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวอันดับ 1 ของไทย พร้อมสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในอุตสาหกรรมก่อสร้างด้วยแนวคิด “Build Today, Beyond Tomorrow” ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ปัจจุบัน แต่ยังวางรากฐานสู่อนาคตที่ยั่งยืน เป้าหมายคือการยกระดับจากแบรนด์ไทยสู่ Global Brand ด้วย 3 ปัจจัยความสำเร็จ และ 3 กลยุทธ์ต่อยอดสู่อนาคต
จากถุงกาวซีเมนต์สู่แบรนด์นวัตกรรม
ทำไมจระเข้ถึงยืนหนึ่ง 33 ปี?
ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร จระเข้ คอร์ปอเรชั่น เล่าว่า เส้นทางธุรกิจของจระเข้ คอร์ปอเรชั่นเริ่มขึ้นในปี 2535 จากแนวคิดง่าย ๆ ที่ต้องการ “ยกระดับมาตรฐานการก่อสร้างไทย” แต่ความมุ่งมั่นในการพัฒนาไม่เคยหยุด จนวันนี้จระเข้ครองตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนวด้วยส่วนแบ่งกว่า 50% และขยายไลน์สินค้าไปสู่โซลูชันก่อสร้างครบวงจร
ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะโชค แต่เกิดจาก 3 ตำนานความสำเร็จ ที่เปลี่ยนอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยตลอด 3 ทศวรรษ

3 ตำนานความสำเร็จที่สร้างชื่อจระเข้
ตำนานที่ 1: บุกเบิกนวัตกรรมระดับโลกในไทย
จระเข้ไม่ใช่เพียงผู้ผลิตสินค้า แต่คือผู้สร้างมาตรฐานใหม่ให้ตลาด ตั้งแต่ปี 2536 ที่เปิดตัว กาวซีเมนต์ถุงแรกของไทย ไปจนถึงปี 2546 ที่เขย่าวงการด้วย กาวยาแนวป้องกันราดำรายแรกของโลก ด้วยเทคโนโลยีไมโครแบนจากสหรัฐฯ ซึ่งตอบโจทย์สภาพอากาศร้อนชื้นของไทยได้อย่างลงตัว
นอกจากนี้ จระเข้ยังเป็นผู้พัฒนา ซีเมนต์กันซึมชนิดยืดหยุ่นรายแรกของไทย และแตกไลน์สู่กลุ่มสีปลอดภัย “SEE JORAKAY” ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุคใหม่ ล่าสุดในปี 2568 จระเข้เปิดตัว Dustless Technology ในกาวซีเมนต์ทั้ง 8 รุ่น ลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นถึง 80% ปกป้องสุขภาพทั้งช่างและผู้อยู่อาศัย

ตำนานที่ 2: สร้างคนเพื่อสร้างอุตสาหกรรม
จระเข้เชื่อว่าการพัฒนาอุตสาหกรรมต้องเริ่มจาก “คน” เพราะนวัตกรรมที่ดีที่สุดจะไร้ค่า หากขาดทักษะที่ถูกต้อง บริษัทจึงก่อตั้ง จระเข้ อะคาเดมี่ และศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานที่ได้รับการรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ปัจจุบันได้ฝึกอบรมช่างกว่า 20,000 คนทั่วประเทศ พร้อมเปิดความร่วมมือกับสถาบันอาชีวศึกษาเพื่อปูทางให้เยาวชนเข้าสู่อาชีพช่างอย่างมั่นใจ
ตำนานที่ 3: ตั้งมาตรฐานใหม่ด้านความยั่งยืน
จระเข้ประกาศจุดยืนเรื่อง Green Products ตั้งแต่ปี 2562 โดยทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ผ่านมาตรฐานที่ช่วยเพิ่มคะแนนอาคารเขียว เช่น LEED, WELL, TREES ปัจจุบัน 63% ของยอดขายมาจาก Green Products พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมาย Carbon Neutrality ภายในปี 2050 และ Net Zero ภายในปี 2065

ไฮไลต์ล่าสุดคือ Jorakay Green Pack ที่ใช้กระดาษรีไซเคิล 70% ลดการปล่อยคาร์บอน 49% ต่อใบ และ Dustless Technology เพื่อลดฝุ่นจากงานก่อสร้าง นี่คือตัวอย่างของการสร้างมาตรฐานใหม่ให้ทั้งอุตสาหกรรม
3 กลยุทธ์ต่อยอดอนาคต สู่ Global Brand
เมื่อฐานธุรกิจในประเทศแข็งแกร่งแล้ว จระเข้พร้อมเดินเกมรุกด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ คือ 1. การรักษาเบอร์หนึ่ง พร้อมรุกตลาดใหม่ 2. เดินหน้าครองตำแหน่งผู้นำตลาดกาวซีเมนต์และกาวยาแนว และ 3. ขยายสู่ธุรกิจเคมีก่อสร้างเต็มรูปแบบและเสริมช่องทางจัดจำหน่ายกว่า 3,000 แห่ง
เมื่อสร้างฐานในประเทศได้มั่นง จระเข้ เริ่มบุกตลาดต่างประเทศ ทำให้ปัจจุบันส่งออกสินค้าใน 17 ประเทศ และยังตั้งเป้าขยายตลาดเพิ่มเติม ผ่านกลยุทธ์หลัก คือ สร้างพันธมิตรท้องถิ่นและระบบกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง

ตลอดเส้นทางการเดินหน้าธุรกิจ จระเข้ ให้ความสำคัญกับการสร้างนวัตกรรมโปรดักส์ที่ตอบโจทย์และแก้ Pain Point ในตลาด อาทิ การเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “จระเข้ อีซี่” พลิกภาพสินค้าก่อสร้างให้ง่าย เข้าถึงได้ทุกคน เน้นความสะดวก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ DIY ของคนรุ่นใหม่
วิสัยทัศน์ Build Today, Beyond Tomorrow
ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหาร จระเข้ คอร์ปอเรชั่น กล่าวชัดว่า จระเข้มุ่งสร้างธุรกิจที่ไม่เพียงแข็งแกร่ง แต่ต้องยั่งยืน พร้อมส่งต่อโลกที่ดีกว่าให้คนรุ่นหลัก ด้วยแนวคิดนี้ถูกถ่ายทอดผ่าน 3 แกนหลัก:
- Life Beyond – ยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทย
- Opportunity Beyond – สร้างโอกาสเติบโตให้ทุกภาคส่วน
- Sustainability Beyond – ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในทุกมิติ

จากแบรนด์ไทยสู่แบรนด์โลก
จระเข้ คอร์ปอเรชั่น คือกรณีศึกษาว่า “การพัฒนาอย่างต่อเนื่องคือคำตอบของความยั่งยืน” จากผู้ผลิตกาวซีเมนต์สู่การเป็นผู้นำ Green Innovation ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง และนี่คือจุดเริ่มต้นของเส้นทางใหม่ที่แบรนด์ไทยจะก้าวสู่เวทีโลก
คุณคิดว่าอนาคตของการก่อสร้างควรเน้นอะไรที่สุด – ความสะดวก ความปลอดภัย หรือความยั่งยืน? แชร์ความเห็นของคุณในคอมเมนต์!

