
“ความยั่งยืน” กฎเกมใหม่เศรษฐกิจโลก ผู้ประกอบการไทยกว่า 3 ล้านราย ต้องเร่งปรับตัวจาก “อยู่รอด” สู่ “เติบโตอย่างยั่งยืน” ภายใต้กฎระเบียบและมาตรฐานใหม่ที่เข้มข้นขึ้น “สมาพันธ์ SME ไทย” เผยภาพรวม “MSME ไทย 2025” พร้อมชี้ 4 ความท้าทายสำคัญ และเสนอ 3 แนวทาง “Just Transition” เพื่อให้ธุรกิจ Micro–Small เดินหน้าได้จริงในระบบเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป — จากมาตรการเติมทุนระยะสั้น สู่การสร้างทักษะดิจิทัลและการปฏิรูปกฎระเบียบในระยะยาว
ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวถึงภาพรวมล่าสุดของผู้ประกอบการไทยในงานสัมมนาเชิงนโยบาย ว่าโครงสร้างของธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (MSME) กำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่ท้าทายและกรอบกฎระเบียบใหม่ที่มุ่งสู่ความยั่งยืน (Sustainable Regulation)
โครงสร้าง MSME ไทย: ฐานเศรษฐกิจใหญ่แต่เปราะบาง
ปัจจุบันประเทศไทยมีผู้ประกอบการกว่า 3.25 ล้านราย ในจำนวนนี้กว่า 99.5% คือ MSME ซึ่งแบ่งออกเป็น
- Micro Enterprise 2.75 ล้านราย หรือ 84.5% ของทั้งหมด
- Small Enterprise 420,000 ราย (13%)
- Medium Enterprise 65,000 ราย (2%)
กลุ่ม MSME สร้างสัดส่วน ผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ประมาณ 35% และมีบทบาทสำคัญในตลาดแรงงาน โดยจ้างงานกว่า 13 ล้านคน หรือราว 70% ของแรงงานภาคเอกชนทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม โครงสร้างที่พึ่งพา Micro และ Small เป็นหลัก กลับทำให้เกิด “ช่องว่างการเข้าถึงโอกาส” ทั้งด้านเงินทุน ความรู้ และกฎระเบียบทางธุรกิจที่ซับซ้อน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
4 ความท้าทายหลักที่ MSME ไทยต้องเร่งปรับตัว1.การเข้าถึงแหล่งทุนจำกัด – ผู้ประกอบการกว่า 80% ระบุว่าไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อหรือมาตรการสนับสนุนจากรัฐได้ โดยเฉพาะกลุ่ม Micro ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือระบบบัญชีที่ชัดเจน
- การเข้าถึงแหล่งทุนจำกัด – ผู้ประกอบการกว่า 80% ระบุว่าไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อหรือมาตรการสนับสนุนจากรัฐได้ โดยเฉพาะกลุ่ม Micro ที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือระบบบัญชีที่ชัดเจน
- ขาดทักษะแห่งอนาคต – ความรู้ด้านดิจิทัล เทคโนโลยี และนวัตกรรม (Digital & Innovation Skills) ยังเป็นช่องว่างขนาดใหญ่
- การเข้าถึงตลาดใหม่ไม่ทั่วถึง – SME รายย่อยยังจำกัดอยู่ในตลาดท้องถิ่น ขณะที่โอกาสในตลาดออนไลน์และต่างประเทศยังเข้าถึงได้ยาก
- กฎระเบียบที่ไม่เอื้อต่อการแข่งขัน – ระบบกฎหมายและกลไกทางการเงินในปัจจุบันยังไม่สอดคล้องกับขนาดธุรกิจที่เล็กและมีความเสี่ยงสูง
Just Transition for MSME: เส้นทางปรับตัวอย่างยั่งยืน
สมาพันธ์ SME ไทย เสนอแนวทาง “การเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม” (Just Transition) เพื่อให้ MSME ไทยสามารถยืนหยัดได้ภายใต้เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความยั่งยืนและเทคโนโลยี
ระยะสั้น: เติมทุน–ลดแรงกดดันสภาพคล่อง
- ผลักดันมาตรการเติมทุนหมุนเวียนให้ Micro และ Small อย่างตรงจุด
- เสนอจัดตั้ง กองทุนเฉพาะกิจนอกระบบธนาคาร เพื่อช่วยผู้ประกอบการที่เข้าไม่ถึงสินเชื่อ
- ส่งเสริมมาตรการ “ช่วยเหลือตามศักยภาพ” แยกตามขนาดธุรกิจ
ระยะกลาง: ยกระดับทักษะและความรู้ดิจิทัล
- พัฒนาองค์ความรู้ด้าน Digital Transformation, AI และ Innovation
- ส่งเสริมการสร้างแบรนด์ (Brand Building) เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า
- สนับสนุนการรวมกลุ่มในรูปแบบ คลัสเตอร์ (Cluster Model) เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองและขยายตลาด
ระยะยาว: ปฏิรูปกฎระเบียบและสร้างระบบนิเวศธุรกิจใหม่
- ปรับปรุงกฎหมายและระเบียบที่ไม่สอดคล้องกับ MSME
- พัฒนา One Stop Service for MSME เพื่อให้ผู้ประกอบการเข้าถึงบริการภาครัฐอย่างครบวงจร
- ส่งเสริมระบบนิเวศธุรกิจ (Ecosystem) ที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
โอกาสใหม่ของ SME ไทยในยุคกฎระเบียบสีเขียว
ดร.ณพพงษ์ ย้ำว่า แนวทาง “SME ยั่งยืน” ไม่ได้เป็นเพียงการปรับตัวให้สอดรับกับกฎหมายสิ่งแวดล้อมหรือมาตรฐาน ESG เท่านั้น แต่คือการสร้าง “ภูมิคุ้มกันธุรกิจ” ให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ในระยะยาว
“หากเรามองความยั่งยืนเป็นต้นทุน จะไม่มีวันเริ่ม แต่ถ้าเรามองว่าเป็นการลงทุนเพื่ออยู่รอดระยะยาว ธุรกิจขนาดเล็กก็จะกลายเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยได้อย่างแท้จริง”
— ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย
สรุปทิศทาง MSME ไทย 2025
การขับเคลื่อน MSME ไทยในปี 2025 จะไม่ใช่เพียงเรื่องของการอยู่รอด แต่คือ “การปรับโครงสร้างใหม่” เพื่อให้ผู้ประกอบการรายเล็กมีโอกาสเติบโตภายใต้ระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรม ยั่งยืน และขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม
