Trans Pride Thailand 2025: เมื่อพลังคนข้ามเพศ และความร่วมมือข้ามภาคส่วน กำลังเขียนอนาคตใหม่ให้สังคมไทย
ไม่ใช่แค่เทศกาล ไม่ใช่แค่งานเฉลิมฉลอง แต่งาน Trans Pride Thailand 2025 กลายเป็น “เวทีพลัง” ที่สะท้อนเสียงของชุมชนคนข้ามเพศในประเทศไทย และเป็นบทพิสูจน์ว่า การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทุกภาคส่วน – ภาครัฐ เอกชน และประชาสังคม – กล้าก้าวไปด้วยกัน
‘Trans(formative) Pride’: เปลี่ยนผ่านสู่อนาคตที่มีสิทธิเท่าเทียม
จัดขึ้นเป็นปีที่สอง ณ พาร์คสีลม ใจกลางกรุงเทพฯ งาน Trans Pride Thailand 2025 จัดขึ้นภายใต้ธีม ‘Trans(formative) Pride’ หรือ ‘พลิกโฉมอนาคตเพื่อความเท่าเทียม’ พร้อมกิจกรรมหลากหลายที่สะท้อนพลังความคิดสร้างสรรค์และความสามารถของชุมชนคนข้ามเพศ ทั้งเสวนานานาชาติ บูธกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจ การฉายหนังสั้น และคอนเสิร์ตจากศิลปิน LGBTQIA+
มากไปกว่าความสนุก งานนี้ยังเป็นพื้นที่สำคัญที่เปิดโอกาสให้เกิดการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับประเด็นที่หลายคนอาจยังเข้าไม่ถึง เช่น การเข้าถึงบริการสุขภาพของคนข้ามเพศ คลินิกเฉพาะทางสำหรับชุมชน LGBTQIA+ หรือโอกาสในการเติบโตทางอาชีพโดยไม่ถูกตีตรา

เมื่อภาคธุรกิจไม่ใช่แค่ผู้สนับสนุน แต่เป็น “พันธมิตรเพื่อความเปลี่ยนแปลง”
การมีส่วนร่วมของภาคเอกชน โดยเฉพาะ บริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) ในครั้งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของ CSR แต่สะท้อนถึงบทบาทของธุรกิจที่ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงจริงจังผ่านความร่วมมือเชิงโครงสร้าง
เภสัชกรหญิงวรรณภา ไกรโรจนานันท์ ผู้บริหารฝ่ายวิสาหกิจสัมพันธ์ของเอ็มเอสดี ระบุว่า “บุคลากรที่มีความหลากหลายทางเพศมักมีศักยภาพโดดเด่น และเราต้องสร้างโอกาสให้พวกเขาได้เติบโตโดยไม่มีข้อจำกัด” ซึ่งสอดคล้องกับการที่เอ็มเอสดีได้ตั้งเครือข่าย Rainbow Alliance ภายในองค์กรตั้งแต่ปี 1999 ยืนยันถึงการให้คุณค่ากับความเท่าเทียมอย่างต่อเนื่อง
นี่คือหนึ่งในตัวอย่างของภาคเอกชนที่มองเห็นว่า ความหลากหลายไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิ แต่คือทรัพยากรมนุษย์ที่ทรงคุณค่า ที่จะผลักดันเศรษฐกิจและนวัตกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืน

พลังของความร่วมมือ: ชุมชน ภาครัฐ และเอกชน เดินหน้าพร้อมกัน
งาน Trans Pride Thailand 2025 จัดขึ้นโดยความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เช่น กรุงเทพมหานคร สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ รวมถึงภาคประชาสังคมและองค์กรจากชุมชนคนข้ามเพศ
ณัฐินีฐิติ ภิญญาปิญชาน์ ผู้ก่อตั้ง Transtalents Group หนึ่งในหัวเรี่ยวหัวแรงเบื้องหลังงานนี้ กล่าวว่า “Trans Pride ไม่ใช่แค่เวทีแสดงออก แต่คือการประกาศว่า คนข้ามเพศในประเทศไทยมีศักยภาพ มีเสียง และต้องการโอกาสที่เท่าเทียมในการมีส่วนร่วมพัฒนาสังคม”
เธอยังชี้ว่า “ความหลากหลายคือพลัง” และงานครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงที่จะส่งผลต่อคนรุ่นต่อไป – รุ่นที่อาจได้เห็นคนข้ามเพศในบทบาทผู้นำ ภาครัฐ ซีอีโอ หรือครูบาอาจารย์ โดยไม่ถูกจำกัดด้วยเพศสภาพ

ทำไมเรื่องนี้สำคัญ?
ในโลกที่เปิดกว้างมากขึ้น การสร้างสังคมที่ “อยู่ร่วมกันได้จริง” ไม่ใช่แค่หน้าที่ของรัฐหรือองค์กรใดองค์กรหนึ่ง แต่ต้องการความร่วมมือจากทุกคนในสังคม
Trans Pride Thailand 2025 คือบทเรียนสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่า “ความเปลี่ยนแปลงทางสังคม” ไม่ได้เริ่มต้นจากกฎหมายหรือคำพูดสวยหรู แต่เริ่มจากการมีพื้นที่ปลอดภัย การฟังกันอย่างเข้าใจ และการจับมือเดินหน้าไปด้วยกัน – อย่างที่ภาครัฐ เอกชน และชุมชนได้แสดงให้เห็นในครั้งนี้

หากประเทศไทยต้องการเป็นสังคมที่เปิดกว้าง ยั่งยืน และเท่าเทียมอย่างแท้จริง อาจถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องไม่เพียงเฉลิมฉลอง Pride แค่ปีละครั้ง…
แต่ต้อง ใช้ “ความภาคภูมิใจ” นำทางในทุกวัน

