OR ผนึก บางกอกแอร์เวย์ส นำ SAF ผลิตในไทยใช้จริงครั้งแรกในเที่ยวบินพาณิชย์

OR ผนึกกำลังบางกอกแอร์เวย์ส เดินหน้าสู่อนาคตสีเขียว นำน้ำมัน SAF ผลิตในไทยใช้จริงครั้งแรกในเที่ยวบินพาณิชย์ เริ่มแล้วตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2568

บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ร่วมกับ บางกอกแอร์เวย์ส เปิดฉากประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของอุตสาหกรรมการบินไทย ด้วยการ นำร่องใช้น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ที่ผลิตในประเทศครั้งแรก สำหรับเที่ยวบินพาณิชย์ระหว่างประเทศจากสนามบินสุวรรณภูมิ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา

การร่วมมือครั้งนี้นับเป็นอีกก้าวสำคัญในการยกระดับการบินไทยสู่ Net Zero พร้อมทั้งตอกย้ำบทบาทของประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านพลังงานสะอาดในภูมิภาค

จุดเปลี่ยนสำคัญของการบินไทย

ความร่วมมือนี้เริ่มต้นจากการลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ระหว่าง OR และบางกอกแอร์เวย์ส เพื่อใช้น้ำมัน SAF ที่ผลิตภายในประเทศ โดยมีเป้าหมายในการสนับสนุนเป้าหมายด้านความยั่งยืนของอุตสาหกรรมการบิน ทั้งในระดับประเทศและระดับโลกภายใต้กรอบของ ICAO

SAF ที่นำมาใช้นั้นผลิตโดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผ่านกระบวนการ Co-Processing ซึ่งนำน้ำมันพืชใช้แล้ว (Used Cooking Oil – UCO) มาแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงสะอาด ถือเป็นนวัตกรรมที่ไม่เพียงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากของเสีย

SAF ที่ผลิตในไทย ใช้งานจริงบนเที่ยวบินระหว่างประเทศ

ในระยะเริ่มต้น บางกอกแอร์เวย์สจะใช้ SAF ผสมในอัตรา 1% จากปริมาณรวม 5,000,000 ลิตร สำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศที่ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิ โดยเที่ยวบินเหล่านี้จะได้รับใบรับรอง Proof of Sustainability (POS) อย่างครบถ้วน ช่วยให้สามารถนับรวมในการลดคาร์บอนตามมาตรฐานสากลได้

นอกจากนี้ การใช้งาน SAF ครั้งนี้ยังนับเป็นการเติมน้ำมัน SAF ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นครั้งแรกอีกด้วย

ร่วมสร้างอนาคตการบินที่ยั่งยืน

การใช้น้ำมัน SAF ที่ผลิตในประเทศครั้งนี้ไม่เพียงช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่ยังเป็นต้นแบบของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนในการพัฒนาเชื้อเพลิงสะอาดจากทรัพยากรหมุนเวียนภายในประเทศ

ความร่วมมือระหว่าง OR, GC และบางกอกแอร์เวย์ส จึงนับเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมการบินไทยให้พร้อมรองรับอนาคตแห่งความยั่งยืน และเปิดทางให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานสะอาดของภูมิภาคในระยะยาว