
SCG ผนึกภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม เดินหน้า “Green Breakthrough amid the Perfect Storm” เร่งเปลี่ยนผ่านพลังงาน ยกระดับ SMEs และเตรียมรับมือโลกรวน เพื่อขับเคลื่อนไทยสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำที่แข่งขันได้และยั่งยืน
ท่ามกลางกระแสโลกที่เผชิญทั้งวิกฤตเศรษฐกิจ ภูมิอากาศ และภูมิรัฐศาสตร์ ESG Symposium 2025 จัดโดย เอสซีจี (SCG) ได้ตอกย้ำบทบาทของทุกภาคส่วนในการร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ “สังคมคาร์บอนต่ำ” ภายใต้แนวคิด “Green Breakthrough Amid the Perfect Storm – เร่งด้วยกรีน รอดด้วยกัน”
เวทีนี้ไม่เพียงเป็นการประชุมเชิงนโยบาย หากแต่เป็น “แพลตฟอร์มความร่วมมือแห่งปี” ที่รวมกว่า 300 ผู้นำจากภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคม และผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ เพื่อออกแบบแนวทาง “การแข่งขันได้ เข้าถึงง่าย และขับเคลื่อนได้จริง” สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งเน้น 3 วาระหลัก —
– การเร่งเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด (Energy Transition)
– การยกระดับ SMEs สู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำครบวงจรและเป็นธรรม (Just Transition for SMEs)
– การเตรียมพร้อมรับมือโลกรวน (Climate Adaptation)

“เร่งด้วยกรีน รอดด้วยกัน” – SCG เดินหน้าปลดล็อกพลังงานเสรีและขับเคลื่อนเศรษฐกิจยั่งยืน
ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าวว่า ESG Symposium คือแพลตฟอร์มที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วน เพื่อร่วมออกแบบนโยบายและโครงการที่ทำให้ประเทศไทยแข่งขันได้และยั่งยืน
ปีนี้ SCG มุ่งผลักดัน 3 แนวทางสำคัญเพื่อสร้าง “Green Breakthrough” อย่างแท้จริง:
- ปลดล็อกโครงสร้างพลังงานไทยสู่ระบบเสรีครบวงจร
• เร่งเปิดตลาดไฟฟ้าเสรีด้วยมาตรฐาน TPA Code
• ส่งเสริม สัญญาซื้อขายไฟฟ้าโดยตรง (Direct PPA)
• ปรับโครงสร้างระบบไฟฟ้าให้รองรับเทคโนโลยีใหม่ เช่น พลังงานหมุนเวียนและระบบกักเก็บพลังงาน
• เพิ่มความยืดหยุ่นและความมั่นคงของระบบไฟฟ้า เพื่อรับมือความผันผวนระดับโลก - ยกระดับ SMEs ด้วยระบบนิเวศที่เข้าถึงง่ายและแข่งขันได้จริง
SCG ผลักดันแนวทาง “One Stop Service” เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้าถึงแหล่งทุน ความรู้ และเทคโนโลยีได้สะดวก พร้อมสนับสนุนเงินทุนหมุนเวียนและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและสีเขียว เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และพัฒนาแรงงานทักษะใหม่ (Skill Matching) ให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงของตลาด - เตรียมพร้อมรับมือโลกรวนด้วยนวัตกรรมและความร่วมมือ
SCG จะร่วมมือกับพันธมิตรพัฒนาเทคโนโลยีและนโยบายที่ตอบโจทย์สภาพภูมิอากาศไทย โดยเฉพาะโครงการ PPP สระบุรีแซนด์บ็อกซ์ ที่เป็นพื้นที่ต้นแบบขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำอย่างครบวงจร

“เราต้องสร้างระบบที่แข่งขันได้ เข้าถึงง่าย และขับเคลื่อนได้จริง เพื่อความมั่นคง ยั่งยืน และพร้อมรับมือทุกวิกฤติในอนาคต” — ธรรมศักดิ์ กล่าว
“ชัด คล่อง เป็นจริง” ปรับโครงสร้างพลังงานไทย สู่ระบบที่โปร่งใสและยั่งยืน
ดร.อารีพร อัศวินพงศ์พันธ์ นักวิจัยอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) วิเคราะห์ว่า ระบบพลังงานของไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากหลายทิศทาง ทั้งเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจก (NDC 3.0), มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป และความจำเป็นในการยกระดับ Energy Transition Index ให้แข่งขันได้ในภูมิภาค
TDRI จึงเสนอแนวทาง “ชัด คล่อง เป็นจริง” เพื่อให้ไทยเปลี่ยนผ่านได้อย่างยั่งยืน โดยประกอบด้วย
• การเปิดตลาด Direct PPA อย่างโปร่งใสเพื่อดึงดูดการลงทุนในพลังงานหมุนเวียน
• การปรับโครงสร้างค่าไฟและระบบไฟฟ้าให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่ เช่น แบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน และ พลังงานไฮโดรเจน
• การสร้าง Green Infrastructure ด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐ เอกชน และภาคประชาชน
• การพัฒนาแรงงานทักษะสีเขียว (Green Skills) เพื่อรองรับอุตสาหกรรมพลังงานยุคใหม่

“ถ้าเราทำให้ระบบพลังงานของไทยชัด คล่อง และเป็นจริงได้ จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถแข่งขันและสร้างอนาคตพลังงานสะอาดที่มั่นคง” — ดร.อารีพร กล่าว
SMEs คือหัวใจของเศรษฐกิจฐานราก ต้องเติมทุน เสริมทักษะ และสร้างโอกาสใหม่
ดร.ณพพงศ์ ธีระวร ประธานสมาพันธ์ SME ไทย กล่าวถึงบทบาทของผู้ประกอบการ MSMEs ซึ่งคิดเป็นกว่า 99.5% ของธุรกิจไทย และมีการจ้างงานมากกว่า 13 ล้านคน ว่า “SMEs คือฟันเฟืองสำคัญของเศรษฐกิจไทย แต่กำลังเผชิญ 4 ความท้าทายใหญ่” ได้แก่
– การเข้าถึงแหล่งทุน
– โอกาสเชื่อมโยงตลาดใหม่
– กฎระเบียบที่ซับซ้อน
– การขาดทักษะอนาคต

เขาเสนอแนวทาง 3 ระยะ เพื่อสร้างความยั่งยืนในระยะยาว ได้แก่
• ระยะสั้น: จัดตั้งกองทุนดอกเบี้ยต่ำ (3–4% ต่อปี) สำหรับผู้ประกอบการ Micro & Small Entrepreneurs เพื่อเสริมสภาพคล่อง
• ระยะกลาง: ยกระดับทักษะดิจิทัล, AI และ Green Transformation เพื่อเพิ่มความพร้อมในการเข้าสู่ตลาดใหม่
• ระยะยาว: สร้าง One Stop Service และระบบนิเวศ (Ecosystem) ที่เอื้อต่อการเติบโตของ SMEs พร้อมผลักดันการปรับปรุงกฎระเบียบให้ทันสมัย
“SMEs ที่เข้มแข็งคือฐานของเศรษฐกิจสีเขียวที่ยั่งยืน และคือคำตอบของการขับเคลื่อนไทยให้แข่งขันได้ในระยะยาว” — ดร.ณพพงศ์ กล่าว

จุดประกาย “Green Collaboration” ไทยต้องเดินหน้าด้วยพลังร่วม
การประชุม ESG Symposium 2025 ได้สรุปชัดเจนว่า “การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” ไม่สามารถทำได้โดยภาคใดภาคหนึ่ง แต่ต้องอาศัยพลังของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐที่กำหนดนโยบาย ภาคธุรกิจที่ลงมือปฏิบัติ และภาคประชาชนที่ร่วมปรับพฤติกรรม
เวทีนี้จึงเป็น “ต้นแบบของความร่วมมือจริง” ที่สะท้อนว่า หากประเทศไทยต้องการ “แข่งขันได้ เข้าถึงง่าย และขับเคลื่อนได้จริง” เราต้องเริ่ม ร่วมมือกันตั้งแต่วันนี้
