
กรมควบคุมมลพิษ เผยวามคืบหน้าแผนจัดการขยะพลาสติกระยะที่ 2 สวนทางกฎหมายหลักยังล่าช้า หลายมาตรการต้องอาศัยความร่วมมือแบบสมัครใจ ขณะเดียวกันแรงกดดันจากเวทีโลกกำลังทวีคูณ จี้ ไทยเร่งแผนก้าวสู่เศรษฐกิจหมุนเวียนได้จริง
ประเทศไทยกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนสำคัญด้านการจัดการขยะพลาสติก หลังกรมควบคุมมลพิษเผยความคืบหน้าของ (ร่าง) พระราชบัญญัติการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน พ.ศ. … ที่เสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีแล้ว หากผ่านความเห็นชอบ จะนับเป็นกฎหมายหลักฉบับแรกที่วางระบบรับผิดชอบต่อบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร (EPR – Extended Producer Responsibility) ซึ่งเป็นกลไกที่หลายประเทศใช้ผลักดันเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
จาก Roadmap สู่แผนปฏิบัติการระยะที่ 2
ทวีชัย เจียรนัยขจร นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า รากฐานของกฎหมายฉบับนี้สืบเนื่องจาก Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561–2573 ที่ตั้งเป้าลด ละ เลิก พลาสติกใช้ครั้งเดียวที่ไม่จำเป็น แต่ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ทำให้แผนระยะแรกสะดุดลง จึงเกิดการปรับแผนสู่ แผนปฏิบัติการระยะที่ 2 (2566–2570) ที่เน้นความยืดหยุ่น พร้อมเชื่อมโยงกับแนวคิด Recovery Economy และ Circular Economy
แผนนี้ประกอบด้วย 4 มาตรการหลัก
- การผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco Design) – ส่งเสริมการออกแบบบรรจุภัณฑ์เพื่อรีไซเคิลง่าย ลดการใช้สารเติมแต่งที่เป็นอุปสรรคต่อการรีไซเคิล
- การลดพลาสติกในขั้นตอนการบริโภค – รณรงค์ให้ผู้ค้าและผู้บริโภคลดการใช้พลาสติก พร้อมสร้างพฤติกรรมการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
- การจัดการหลังการบริโภค – เน้นการคัดแยกขยะที่ต้นทาง ส่งเสริมการใช้ซ้ำและรีไซเคิล โดยมีการผลักดัน Material Recovery Facility (MRF) ให้เอกชนร่วมลงทุน และออกมาตรการห้ามนำเข้าเศษพลาสติกพิกัด 39.15
- การป้องกันและจัดการขยะในทะเล – ร่วมมือกับชุมชนชายฝั่ง ภาคเอกชน และโครงการอนุรักษ์ระดับชาติ เพื่อลดการทิ้งขยะลงทะเล

เครื่องมือใหม่ที่รอผลักดัน
นอกจาก(ร่าง) พระราชบัญญัติการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน พ.ศ. … ภาครัฐยังเตรียมมาตรการเสริม เช่น
- มาตรฐานผลิตภัณฑ์พลาสติกบังคับ
- ระบบ Digital Platform Recycle
- การส่งเสริม ขวดน้ำดื่มไร้ฉลาก ที่รีไซเคิลได้ 100%
ทั้งหมดนี้เป็นชิ้นส่วนสำคัญในการสร้าง “จิ๊กซอว์” เศรษฐกิจหมุนเวียนของไทย

บริบทโลกกดดันเข้ม
ขณะเดียวกัน ไทยยังมีบทบาทในการเจรจาระหว่างประเทศเรื่อง อนุสัญญามลพิษพลาสติก (Global Plastics Treaty) ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือที่สวิตเซอร์แลนด์ โดยประเด็นร้อนคือการกำหนดมาตรฐานระดับโลกด้านการผลิตและการบริโภคพลาสติก รวมถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากไมโครพลาสติก หากอนุสัญญามีผลบังคับใช้ ไทยจำเป็นต้องปรับตัวทั้งในเชิงกฎหมายและอุตสาหกรรม
แม้แผนปฏิบัติการระยะที่ 2 เดินหน้าไปมาก แต่ปัญหาหลักยังอยู่ที่ “การขาดกฎหมายบังคับใช้” ทำให้หลายมาตรการยังพึ่งพาความร่วมมือแบบสมัครใจจากภาคเอกชน การมีกฎหมายบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ไม่เพียงกำหนดความรับผิดชอบของผู้ผลิต แต่ยังสร้างแรงจูงใจทางเศรษฐกิจให้ผู้บริโภคและท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม
หากเดินหน้าตามแผน ไทยมีโอกาสก้าวสู่ระบบจัดการพลาสติกที่เทียบเท่ามาตรฐานโลกในปี 2570 แต่เส้นทางนี้เต็มไปด้วยแรงกดดัน ทั้งจากตลาดโลก ผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และความคาดหวังด้านความยั่งยืนของสังคมไทยเอง
