
กรมการค้าภายใน ขับเคลื่อนนโยบาย “Quick Big Win” ของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนไทยให้เข้าถึงยารักษาโรคได้อย่างเท่าเทียม เชื่อมเครือข่ายร้านขายยา–แพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วประเทศ สร้างทางเลือกใหม่ในการซื้อยาภายนอกโรงพยาบาล ลดภาระค่าครองชีพ และสร้างระบบสุขภาพโปร่งใสเทียบมาตรฐานสากล
วิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน (DIT) กล่าวว่า ตามนโยบายของ ศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประชาชนจะมีสิทธิ์ สอบถามราคายาก่อนชำระเงิน และสามารถนำใบสั่งยาจากโรงพยาบาลมาใช้ซื้อยาภายนอกได้อย่างสะดวก เพื่อเปรียบเทียบราคาและเลือกซื้อยาคุณภาพในราคาที่เหมาะสม ถือเป็นก้าวสำคัญของระบบสุขภาพไทยในการเปิดทางให้ทุกคนเข้าถึงยาได้อย่างเป็นธรรม
“ระบบใหม่นี้จะทำให้คนไทยไม่ต้องเลือกระหว่างคุณภาพกับราคาอีกต่อไป แต่สามารถได้ทั้งสองอย่าง พร้อมสิทธิ์ในการตัดสินใจด้วยตนเอง” นายวิทยากรกล่าว
จับมือเครือข่ายร้านยา–แพลตฟอร์มออนไลน์ทั่วประเทศ
DIT ได้ร่วมประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) สภาเภสัชกรรม สมาคมเภสัชกรรมชุมชน สมาคมผู้ประกอบการร้านยารวมใจไทย และผู้ประกอบการร้านยารายใหญ่ เช่น Pharmax, Icare, Fascino, Save Drug, ร้านยากรุงเทพ, Pure Pharmacy, Exta Plus, Boots, Tops Care และโลตัส รวมถึงแพลตฟอร์มออนไลน์ด้านสุขภาพ เช่น Telehealth, ยาพร้อม, PharmCare, AskMacy by Fascino, All Pharmacy และ BIGYA
ทุกฝ่ายเห็นพ้องว่าโครงการนี้จะช่วย “ยกระดับระบบสุขภาพของประชาชนให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ” โดยมีเภสัชกรวิชาชีพประจำร้านและช่องทางออนไลน์ ให้คำปรึกษาเรื่องยาอย่างใกล้ชิด

“ร้านยาสุขกาย สบายกระเป๋า” เปิดลงทะเบียน 14 ตุลาคมนี้
เภสัชกรวราวุธ เสริมสินสิริ ผู้แทน อย. กล่าวว่า อย. พร้อมสนับสนุนโครงการ “สุขกาย สบายกระเป๋า” โดยจะเปิดให้ลงทะเบียน “ร้านยาสุขกาย สบายกระเป๋า” ตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป
ร้านยาที่เข้าร่วมต้องผ่านการรับรองมาตรฐาน มีบริการทั้งออนไซต์และเทเลฟาร์มาซี (Telepharmacy) เพื่อให้ประชาชนสามารถ ปรึกษาเภสัชกรออนไลน์ หรือค้นหาร้านยาใกล้บ้านผ่านแอปพลิเคชันกลางที่ อย. และสภาเภสัชกรรมร่วมพัฒนา
“ร้านยาที่เข้าร่วมจะต้องมีมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัยเทียบเท่าโรงพยาบาลเอกชน ประชาชนจึงมั่นใจได้ว่าจะได้รับยาคุณภาพในราคาที่เข้าถึงได้” เภสัชกรวราวุธกล่าว
ระบบสุขภาพโปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืน
DIT ยังได้ประชุมร่วมกับเครือโรงพยาบาลเอกชนทั่วประเทศ เพื่อเชื่อมโยงระบบบริการยาและให้ผู้ป่วยสามารถใช้ใบสั่งยาเดิมซื้อยาภายนอกโรงพยาบาลได้ โดยปัจจุบันมีโรงพยาบาลเอกชนกว่า 10 เครือเข้าร่วมแล้ว
วิทยากร ย้ำว่า โครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ร้านขายยา และแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อสร้างระบบสุขภาพที่ โปร่งใส เป็นธรรม และยั่งยืน ให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงยาคุณภาพในราคาที่เหมาะสมได้จริง
“นี่คืออีกก้าวของประเทศไทยสู่ระบบสุขภาพเท่าเทียม ที่ไม่ปล่อยให้ใครต้องถูกจำกัดด้วยราคา แต่ทุกคนมีสิทธิ์เข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียม” อธิบดีกรมการค้าภายในกล่าว
