
AIS ผนึก กระทรวงเกษตรฯ ขยายการติดตั้งจุดทิ้งขยะ “คนไทยไร้ E-Waste” ทั่วประเทศ ปลุกคนไทยลุกขึ้นทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างถูกวิธี ก่อนสารพิษย้อนทำลายผืนดินและพืชผล เผยสิ้นปี เล็งขยายให้ถึง 3,000 จุด จากปัจจุบัน 2,800 จุด
ในวันที่ “ขยะ” ไม่ได้จบที่ถัง แต่กำลังย้อนกลับมาทำลายชีวิตเราโดยไม่รู้ตัว…AIS จับมือกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สานต่อภารกิจเปลี่ยนพฤติกรรมคนไทยให้ “ทิ้งให้ถูก” ผ่านโครงการ “คนไทยไร้ E-Waste” พร้อมติดตั้งจุดทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ในหน่วยงานรัฐและสำนักงานเกษตรทั่วประเทศ ย้ำ! ขยะมือถือไม่ได้จบที่กล่อง แต่เริ่มต้นวงจรใหม่ของสุขภาพคนไทย อาหารปลอดภัย และสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน

จุดเปลี่ยนสำคัญของภาคเกษตรไทย: จากมือถือเก่า สู่สารพิษในดิน
“แคดเมียม ปรอท ตะกั่ว” ไม่ใช่ชื่อของสารเคมีในห้องแล็บ แต่คือสิ่งที่กำลังแทรกซึมในดิน น้ำ และอากาศของเรา เพราะการทิ้งขยะอิเล็กทรอนิกส์ผิดวิธี
ประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า การร่วมมือกับ AIS เป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนระบบเกษตรที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะภาคเกษตรคือ “แนวหน้า” ที่ต้องรับมือผลกระทบจากสารพิษโดยตรง ทั้งในผลผลิต อาหาร และสุขภาพของเกษตรกร

“คนไทยไร้ E-Waste” ไม่ใช่แค่แคมเปญ แต่คือการปกป้องอนาคต
สายชล ทรัพย์มากอุดม หัวหน้าหน่วยธุรกิจสื่อสารองค์กรและรัฐกิจสัมพันธ์ AIS กล่าวว่า โครงการนี้ดำเนินมาแล้วกว่า 6 ปี และไม่ได้หยุดแค่การเก็บขยะ แต่ตั้งใจ “เปลี่ยนมุมมอง” คนไทย ว่าขยะอิเล็กทรอนิกส์ไม่ใช่เรื่องไกลตัว หากปล่อยไว้… จะกลายเป็นระเบิดเวลาทางสิ่งแวดล้อม
ปัจจุบัน AIS ได้ยกระดับโครงการเป็น “AIS HUB of E-Waste” ศูนย์กลางองค์ความรู้และจุดรับทิ้งที่เชื่อมโยงกับพันธมิตรกว่า 245 รายทั่วประเทศ และกำลังขยายผลสู่หน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ กว่า 22 แห่ง และสำนักงานเกษตรจังหวัดทั้ง 76 จังหวัด ส่งผลให้ล่าสุดมีจุดทิ้งขยะอิเลคทรอนิกส์กว่า 2,800 แห่งทั่วไทย และภายในสิ้นปี 2568 จะมีจุดทิ้งเพิ่มเป็นกว่า 3,000 จุดทั่วประเทศ
ความพิเศษคือ โครงการนี้ไม่บังคับให้ลงทุนถังขยะราคาแพง แต่สนับสนุนการใช้กล่องเก่า DIY หรือกระดาษรีไซเคิล ลดต้นทุน และเน้นให้เข้าถึงได้จริง
นอกจากนี้ ยังมีการสื่อสารเชิงสร้างสรรค์ เช่น ใช้ภาษาท้องถิ่นในโรงเรียนบนดอย เพื่อให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการเปลี่ยนพฤติกรรม
สำหรับโครงการนี้ไม่วัดผลด้วยมูลค่า แต่ใช้ “ปริมาณขยะที่จัดการได้” และ “ปริมาณคาร์บอนที่ลดลง” เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จ พร้อมส่งข้อมูลให้พันธมิตรนำไปใช้รายงาน Carbon Footprint ได้อีกด้วย

ทิ้งมือถือเก่า = เติมเน็ตให้โรงเรียนห่างไกล
นอกจากนี้ AIS ยังจัดทำโครงการเปลี่ยน “ขยะ” ให้กลายเป็น “โอกาส” ด้วยแนวคิด E-Waste แลกเน็ต 1GB เพื่อส่งต่อให้โรงเรียนในพื้นที่ห่างไกลภายใต้โครงการ Green Energy Green Network — ปัจจุบันส่งไปแล้วกว่า 20,000 GB ซึ่ง AIS ไม่เพียงแต่ส่งมอบอินเตอร์เน็ต ยังมีการส่งมอบโน้ตบุ๊ก อุปกรณ์คอมพิวเตอร์ และการสนับสนุนการเรียนรู้ทางไกล ครอบคลุมทั้งโรงเรียน ชุมชน โรงพยาบาล และวิสาหกิจชุมชน
สำหรับขยะอิเลคทรอนิกส์ที่จัดเก็บ มีการขยายการรับจากเดิม 4 ประเภท (โทรศัพท์มือถือ, สายชาร์จ, หูฟัง, แบตเตอรี่เก่า) เป็นประมาณ 30 ประเภท ครอบคลุมอุปกรณ์มือถือ อุปกรณ์ต่อพ่วง คอมพิวเตอร์ ชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก เช่น รีโมต, จอยเกม, ที่ม้วนผม, ไดร์เป่าผม, และพัดลมขนาดเล็ก

ตัวเลขขยะอิเลคทรอนิกส์น่าตกใจ ปีละ 460,000 ตัน จัดเก็บถูกวิธีแค่ 10%
ข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษเผยว่า ขยะอิเล็กทรอนิกส์ในไทยเพิ่มขึ้นทุกปี ตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 460,000 ตัน แต่มีเพียง 10% ที่เข้าสู่ระบบจัดการอย่างถูกวิธี ที่เหลืออาจลงเอยด้วยการฝังกลบ เผา หรือทิ้งตามแหล่งธรรมชาติ นำไปสู่การปนเปื้อนสารพิษ และย้อนกลับมาทำลายผืนดิน พืชผล และสุขภาพคนไทยโดยเฉพาะเกษตรกร
ขยะอิเล็กทรอนิกส์ที่เข้าสู่ระบบ จะถูกส่งต่อไปยังโรงงาน WMS (West Management สยาม) ตั้งอยู่ที่ศรีราชา ชลบุรี หนึ่งในไม่กี่แห่งของไทยที่สามารถแปรขยะเหล่านี้ให้เป็นพลังงานไฟฟ้าได้ ด้วยเทคโนโลยีเตาหลอมความร้อนสูง ปลอดมลพิษ ไม่เหลือฝังกลบ ในขณะที่แผงวงจร PCB บางส่วนจะต้องส่งต่อไปจัดการที่โรงงาน Dowa ในเมือง Akita ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ WMS และเป็นศูนย์กลางการจัดเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์ของญี่ปุ่นทั้งประเทศ อย่างไรก็ตาม 90% ของขยะทั้งหมดในโครงการนี้ สามารถรีไซเคิลและนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์
