ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จัดเวทีเสวนา “Blue Financing and Aquaculture: Empowering the Sustainability Transition” รวมพลังพันธมิตรทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน นักลงทุน และองค์กรสิ่งแวดล้อม สร้างกลไกความร่วมมือใหม่ ดันอุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของไทย โดยเฉพาะ “กุ้งคาร์บอนต่ำ” เติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมเดินหน้าเปิดตลาดโลก หวังชูไทยกลับคืนสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ด้านการส่งออกกุ้งอีกครั้ง
ในงานเสวนา “Blue Financing and Aquaculture: Empowering the Sustainability Transition” ผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายองค์กร ทั้งธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB), กรมประมง, และผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงกุ้งรายสำคัญ ได้ร่วมถกแนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่ “การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่มีความรับผิดชอบและยั่งยืน” โดยเฉพาะการลดคาร์บอนฟุตพรินต์จากฟาร์มกุ้ง ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของตลาดโลกยุคใหม่
ภาณุ บุญทรง ผู้จัดการฝ่ายความยั่งยืนส่วนงานเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า ปัจจุบันดารส่งออกกุ้งของไทย ตกจากอันดับ 1 มาเป็น 6-7 เพราะฉะนั้น ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป หวังว่าโปรแกรมกุ้งคาร์บอนต่ำ จะเข้ามา Energize ให้อุตสาหกรรมกุ้งไทยเฝกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
การลดปริมาณการปลดปล่อยคาร์บอนจากฟาร์มดุ้ง ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป มองเป็น 2 ส่วน คือ อาหารกุ้ง ซึ่งอาหารกุ้ง อาจจะใช้สารวัตถุดิบที่อาจจะมี Carbon Footprint ค่อนข้างสูง และอีกส่วนคือ กิจกรรมในฟาร์ม การใช้ไฟฟ้าภายในฟาร์ม เพราะว่าด้วยระบบการเลี้ยง เราเป็นระบบการเลี้ยงแบบค่อนข้างหนาแน่น เพราะฉะนั้นการเติมอากาศ การเติมออกซิเจนเข้าไปในกุ้ง ค่อนข้างที่ความสำคัญ ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้ค่อนข้างปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง
”เราริเริ่มขึ้นมาแล้ว และมีเป้าหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ประมาณ 25-35% ที่มาจากฟาร์ม คือเรามี Focus ใน 2 ระดับ อันแรกคือระดับอาหาร อีกระดับหนึ่งก็คือระดับ Farming Activity สำหรับการบริหารจัดการฟาร์ม เรามี Requirement ข้อกำหนด ว่าเกษตรกรเข้าร่วมโครงการอาจจะต้องเป็น Solar Cell ที่มีขนาดใหญ่พอที่จะให้ไฟฟ้าเกิน 80% ของการใช้ช่วงเวลากลางวัน ทั้งนี้ ทางบริษัทเองก็เข้าใจว่าคงไม่ใช่มีเกษตรกรทุกคนหรอก ที่มีความสามารถที่จะลงทุน ลงทุน 2-3 ล้าน 4 ล้าน 5 ล้าน เพื่อติดตั้ง Solar Cell คงไม่มีเกษตรกรทุกคนที่สามารถทำได้“

ชูโมเดล “กุ้งคาร์บอนต่ำ” เป็นกลยุทธ์หลักของอุตสาหกรรมไทย
อย่างไรก็ตาม ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป พยายามหา Solution ให้กับเกษตรกร เพื่อนำ Power Purchase Agreement หรือว่า PPA Solution เข้ามาสู่อุตสาหกรรมกุ้ง ซึ่งหมายความว่าเกษตรกรไม่ต้องลงทุนเอง การลงทุนใน Solar Cell ผ่านบริษัท Solar Cell 100% แต่จะ มีระยะเวลาสัญญา 10 ปี ซึ่งในระยะเวลาสัญญา 10 ปี ก็สามารถที่จะลดค่าไฟได้ 10% เพราะฉะนั้นไม่ลงทุน แต่ว่าลดค่าไฟได้อีก 10%
การพัฒนา “กุ้งคาร์บอนต่ำ” ไม่ใช่เพียงเทรนด์สีเขียว แต่คือ โอกาสทางเศรษฐกิจ ที่จะช่วยสร้างความแตกต่างและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการไทยในตลาดสากล โดยเฉพาะในยุโรปและสหรัฐฯ ซึ่งผู้บริโภคให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อย
“ถ้าเราทำได้ก่อน ทำได้จริง และวัดผลได้ อุตสาหกรรมกุ้งของไทยจะกลับมายืนหนึ่งในเวทีโลกอีกครั้ง” — ผู้บริหารไทยยูเนี่ยนกล่าว

ขับเคลื่อนด้วยความร่วมมือ: ภาครัฐ-เอกชน-นักลงทุน
เวทีเสวนาครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของความร่วมมือในระดับโครงสร้าง โดยมีการหารือแนวทางการระดมทุนผ่านกลไก Blue Financing หรือ “การเงินสีฟ้า” ซึ่งจะช่วยสนับสนุนฟาร์มกุ้งขนาดเล็กและขนาดกลาง ให้สามารถปรับตัวและลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ADB และภาคีสถาบันการเงินยังแสดงความพร้อมในการสนับสนุนทั้งทางด้านเงินทุนและองค์ความรู้ เพื่อให้อุตสาหกรรมเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำของไทยสามารถเดินหน้าสู่ความยั่งยืนได้จริงในทุกระดับ
มนทกานติ ท้ามติ้น ผู้อำนวยการวิจัยกองเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง กรมประมง กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยเลยเป็นประเทศนำร่องในเรื่องของการนำ Blue Solution เข้ามาใช้ เรื่องของ Blue Carbon Hub ซึ่งปีนี้เป็นโครงการต่อเนื่องจากปีที่แล้ว ที่ใช้แหล่งพลังงานที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ ซึ่งขณะนี้ มีฟิลิปปินส์ มีฟิจิ แล้วก็มีประเทศไทย
กรมประมงทำงานร่วมกับองค์กรต่างประเทศ คือ USAID แล้วก็ Nur-B Solution หมายความว่า กรมประมงพยายามผลักดันการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมแล้วก็สังคม แต่ในขณะเดียวกันก็ส่งเสริมให้เกษตรกรมีรายได้ มีความยั่งยืน แล้วก็ส่งเสริมเรื่องของความหลากหลายทางชีวภาพ
กรมประมงดำเนินการ 5 ด้าน เช่น การนำนวัตกรรมมาใช้ อย่างเช่น ระบบ Controller ที่ทำให้การเติมออกซิเจนอย่างเหมาะสม แล้วก็นำ Solar Cell เข้ามาใช้ รวมทั้งมีการนำ Bubble มาใช้ทดแทนการใช้ยาหรือสารเคมี นำมาประยุกต์ใช้ แก้ปัญหาในเรื่องของโรค
นอกจากนี้ยังมองเรื่องของต้นทุน เช่น ต้นทุนอาหาร มีการนำโปรตีนทางเลือกจากแมลง (Insect) หรือจากพืช เข้ามาทดแทน รวมทั้งเรื่องของการเลี้ยงสัตว์น้ำที่เรียกว่า Non-Feed คือไม่ได้ใช้อาหาร ช่วยในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมช่วยดูดซับ Carbon เช่นปลิงทะเลหรือพวกหอย นำมาเลี้ยงแบบผสมผสาน
ปีนี้เราทำกุ้ง Low Carbon ก็หมายความว่าเรามีการทำงานร่วมกับ Expert ไม่ว่าด้าน อบก. กับ FAO การรับรอง กุ้งแบบ Low Carbon เพราะปัจจุบันกุ้งมีต้นทุนจากพลังงานสูงประมาณ 23 บาทต่อกิโลกรัม มีการปลดปล่อย Carbon ที่มาจากอาหารกว่า 40 % และพลังงานที่ใช้ในการเติมอากาศประมาณ 50% พลังงานค่าไฟจากการเลี้ยงกุ้ง 300,000 กว่าตัน เป็นประมาณ 8,000 กว่าล้านบาทต่อปี
เพราะฉะนั้น ถ้าเรานำพลังงานทางเลือกมาใช้ นำระบบนวัตกรรม Controller มาใช้ เพื่อให้การใช้พลังงานมีประสิทธิภาพ นอกจากจะลดในเรื่องของต้นทุนแล้ว ก็ยังช่วยในเรื่องของลด Carbon ด้วย อันนี้ก็มีเป็นตัวอย่างที่กำลังทำอยู่ ปีนี้เราคาดการณ์ว่าจะเสร็จสิ้นโครงการจะได้ Output คือ มีระบบ Certify ให้เป็นกลุ่ม ให้กับจังหวัดนำร่อง 2 จังหวัด คือจากฉะเชิงเทรา 15 ฟาร์ม กับเพชรบุรี 15 ฟาร์ม แล้วก็มี Knowledge คือมีการอบรมเจ้าหน้าที่และเกษตรกรสร้างการรับรู้มากขึ้น โดยคิดว่าน่าจะช่วยส่งเสริม เสริมได้กับทางโปรเจกต์ของไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป ในการที่สร้างการรับรู้ได้ทุกภาค
ประเทศไทยพร้อมหรือยังจะเป็นผู้นำ “อาหารทะเลคาร์บอนต่ำ” ของโลก?
ในยุคที่ ความยั่งยืนคือปัจจัยแข่งขันใหม่ของตลาดโลก การที่ไทยมีความพร้อมทั้งในด้านทรัพยากร บุคลากร และเทคโนโลยี คือโอกาสสำคัญในการก้าวสู่การเป็นผู้ส่งออก “อาหารทะเลคาร์บอนต่ำ” ระดับโลก โดยเฉพาะ “กุ้งไทย” ที่ยังคงเป็นสินค้าสำคัญของเศรษฐกิจไทย

พลชาติ เหลืองนฤมิตชัย เจ้าของฟาร์มกุ้ง อนันฟาร์ม ที่จังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ได้ลงทุนเกี่ยวกับเรื่องของโซล่าเซลล์ จากที่ร้องจ่ายค่าไฟรวมเดือนละ 400,000 บาท ทำให้ประหยัดค่าไฟได้ประมาณ 40,000 บาทเดือน แต่จริงๆ เกษตรกร หากเลี้ยงกุ้งได้ต่อเนื่อง กำไรไม่เกิน 20% การมาของเครื่องมือและทิศทางแบบนี้ แปลว่าอะไร แปลว่าเดือนๆ หนึ่ง ปีๆ หนึ่ง ประมาณ 10% ที่ลดได้คือ 50% กำไรใหม่ 10% ที่ลดได้คือ 50% กำไรใหม่ ดังนั้นทิศทางของการเริ่มมีเครื่องมือที่เป็นเรื่องของความยั่งยืน มองถึงเครื่องมือที่แข็งแรงแล้วก็การมาของการ Inclusive ทุกๆ ฝ่ายอย่างวันนี้ที่เรานั่งร่วมกัน ผมคิดว่าเป็นทิศทางที่ดี
วันนี้เรากำลังจะเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เป็น World Class วันนี้เรากำลังจะพัฒนาที่เป็น Carbon Product ที่ทำให้กลายเป็น Longevity Product ใหม่ขึ้นมา เข้าสู่ System ผมคิดว่าเหมาะเมืองไทย และต่างประเทศ
เรื่องของโซล่าเซลล์ เรื่องแบตเตอรี่ 10% ที่เพิ่มขึ้นที่เราสามารถสร้างรายได้ได้เพิ่มขึ้นนั่นคือ 50% ของกำไร เรามองถึงแบตเตอรี่ โซล่าเซลล์ เราอยากจะทำเรื่องนี้จริงจัง เรามองเรื่องเแบตเตอรี่ Subsidize ไปเลย 100% เลยได้ไหม เรียกว่า 24 ชม. ไปเลยได้ไหมครับ เพราะว่าจะได้ไม่ต้องไปลงทุนเครื่องปั่นไฟ
ยงยุทธ เสฏฐวิวรรธน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายการบริหารการเงินกลุ่มและศูนย์บริการร่วมทางการเงิน บมจ.ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป Set Target ในเรื่องของ BLUE Finance โดยที่ปี 2020 Set Target ว่าจะเอาเรื่องความยั่งยืนมาเป็นส่วนหนึ่งของการiจัดหาเงินทุน ก็เลยตั้งเป้าว่าเงินกู้ระยะยาวของบริษัท ซึ่งบริษัททุกวันนี้มีเงินกู้ระยะยาวอยู่ประมาณ 45,000 ล้าน บาท เราบอกว่าภายในปี 2025 ก็คือปีนี้เราจะเปลี่ยน จากกู้วิธีเดิมมาเป็นการเงินเพื่อความยั่งยืน 75% แล้วก็ตั้งเป้าว่าภายใน 2030 ก็คือ 100%
ภาณุ กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป มีเป้าหมาย Net Zero หรือว่าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นศูนย์ ภายในปี 2050 ซึ่งไทยยูเนี่ยนมี commitment ว่า Net Zero ไม่ใช่แค่ Net Zero เฉพาะของตัวเอง แต่ต้องทำใน Scope 3 ก็คือใน Supply Chain ก็มองว่าต้องเป็น Zero ด้วย
เพราะฉะนั้น กุ้งถือว่าเป็นหนึ่งในสินค้า commodity หลักๆ ของบริษัท เป็นธุรกิจหลักของบริษัทประมาณ 20% ของรายได้ของบริษัททั้งหมด เพราะฉะนั้น ถ้าเราทำกุ้งคาร์บอนต่ำได้ประสบความสำเร็จ ก็จะทำให้บริษัทสามารถเข้าใกล้ Net Zero ได้มากยิ่งขึ้น ถ้าในเชิงเทคนิค
ด้วยกลไกความร่วมมือที่เกิดขึ้นในเวทีนี้ ไทยยูเนี่ยนและพันธมิตรหวังว่าจะสามารถสร้างระบบนิเวศใหม่ให้กับอุตสาหกรรมกุ้งไทย ที่ไม่เพียงตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม แต่ยังช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกร และสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของ “กุ้งไทยเพื่อโลก” ในตลาดสากล

