
SCG เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 ฟื้นตัวต่อเนื่อง EBITDA แข็งแกร่งขึ้นแตะ 30,320 ล้านบาท หนี้สินสุทธิหายไปเกือบหมื่นล้าน เร่งขยายฐานผลิตในอาเซียน พร้อมส่งสินค้านวัตกรรม Smart Value, HVA และ Green รุกตลาดโตแรงทั่วโลก รับการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขันด้วยกฎเกณฑ์ใหม่ๆ ของตลาดโลก
ธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCG กล่าวว่า เอสซีจีประกาศผลประกอบการครึ่งปีแรก 2568 แข็งแกร่งต่อเนื่อง สร้างกระแสเงินสด (EBITDA) รวม 30,320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากครึ่งหลังของปี 2567 ขณะเดียวกันหนี้สินสุทธิลดลงถึง 8,365 ล้านบาท ตอกย้ำประสิทธิภาพในการปรับพอร์ตลงทุน หยุดธุรกิจที่ไม่ทำกำไร และบริหารต้นทุนอย่างมีระบบในทุกกลุ่มธุรกิจ
ซีอีโอ SCG ยังพูดถึงการให้ความสำคัญกับ Transition ที่ยังคงเป็นเรื่องใหญ่ในขณะนี้ ทำให้ทุกคนต้องเตรียมความพร้อม ทั้งการเจรจากับสหรัฐฯ และการหามองหาช่องทางและโอกาสทางการค้าใหม่ๆ อย่างเช่นการค้าเสรี ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่กับการปรับตัวเองสู่ Green Business เพื่อรองรับมาตรการหรือกฎระเบียบทางการค้าใหม่ๆ อย่าง CBAM เพื่อเพิ่มขีดความสามารถททางการแข่งขันในตลาดโลก

“ถ้าเราเข้าไปโดยไม่เตรียมความพร้อมก็ไม่มีประโยชน์ และจะเป็นโทษด้วย เพราะฉะนั้น SCG จึงต้องเร่งมากๆ ในเรื่องของ Transition เพื่อไปสู่เรื่องของ CBAM, Carbon Credit และอื่นๆ อันนี้คือ NZAP หรือ Net Zero Accelerator Program ที่ทำร่วมกับสภาอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันผลิตภัณฑ์ที่เป็นกรีนของ SCG ก็ยังขายได้ อย่างปูนคาร์บอนต่ำ ซึ่งก็ทำให้การบริหารจัดการต้นทุนของบริษัทฯ ดีขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นทั้งสองสิ่งนี้จึงเดินคู่กันได้”

SCG ได้ร่วมกับภาคส่วนต่าง ๆ จัดโครงการ ‘NZAP: Net Zero Accelerator Program’ และ ‘Go Together’ ต่อเนื่อง รวมทั้งจัด Leadership Forum ในงาน ‘ESG Symposium’ ช่วงสิงหาคม – ตุลาคม 2568 ซึ่งเชิญองค์กรชั้นนำระดับโลก เช่น สำนักงานประสานงานการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (DCO) สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT) รวมทั้งองค์กรชั้นนำระดับประเทศ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย มาร่วมหาแนวทางเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ธุรกิจ ตลอดจนผลักดันการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้ขับเคลื่อนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Green Transition) และพร้อมแข่งขันระดับโลกท่ามกลางความท้าทายต่าง ๆ ได้

เศรษฐกิจโลกผันผวนไม่หวั่น SCG เดินหน้าขยายฐานผลิต-รุกนวัตกรรม
แม้เศรษฐกิจครึ่งปีหลัง 2568 ยังเผชิญความท้าทาย ทั้งสงครามการค้า ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ราคาพลังงานผันผวน และความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ SCG ยังคงเดินหน้าสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้วยกลยุทธ์หลัก:
1. ขยายฐานการผลิตในอาเซียน (ASEAN Production Hub)
- โรงงานปิโตรเคมี LSP ที่เวียดนามเตรียมเดินเชิงพาณิชย์ ส.ค. นี้
- ปูนคาร์บอนต่ำ ผลิตเต็มกำลัง 8,000 ตัน/วัน รองรับตลาดเวียดนาม-สหรัฐฯ
- ธุรกิจบรรจุภัณฑ์และกระเบื้อง เดินหน้าผลิตครบวงจรในเวียดนาม

2. ปรับโครงสร้างธุรกิจ ลดต้นทุนแบบรอบด้าน
- ใช้หุ่นยนต์/AI เพิ่มประสิทธิภาพทั้งการผลิตและขนส่ง เช่น EV Mining Truck ไร้คนขับ, ระบบคลังสินค้าอัตโนมัติ
- ปรับปรุงโรงงานให้เดินเต็มกำลัง ลดต้นทุนเฉพาะกลุ่มเคมีภัณฑ์กว่า 900 ล้านบาท
- ลดเงินทุนหมุนเวียนรวมกว่า 7,000 ล้านบาท

3. รุกตลาดด้วยสินค้า Smart Value, HVA และ Green
- “ปูน ADAMAX”, “กระเบื้อง Celica Curve”, “สุขภัณฑ์ SOSUCO” เจาะตลาดภูมิภาค
- HVA เช่น “CHILLOX” แผ่นเก็บความเย็น, “ONNEX ArcBox” ป้องกันไฟไหม้แผงโซลาร์, “Smartboard Super” แข็งแรงแต่ยืดหยุ่น
- Green Products เช่น “ประตูหน้าต่าง WINDSOR คาร์บอนต่ำ”, “DECAAR รุ่นคอมฟอร์ท” ลดความร้อนพื้นบ้าน

แผนเติบโตยั่งยืน: Green Transition สู่ Net Zero
SCG ย้ำพันธกิจผลักดันองค์กรสู่สังคมคาร์บอนต่ำ จัดโครงการ “NZAP: Net Zero Accelerator Program” และ “Go Together” จับมือองค์กรชั้นนำระดับโลกและในไทย จัด ESG Symposium สร้างความร่วมมือเพื่อแข่งขันอย่างยั่งยืน
- กำไรครึ่งปี 18,436 ล้านบาท พร้อมจ่ายปันผล 2.50 บาท/หุ้น
- รายได้รวมครึ่งปี: 249,077 ล้านบาท
- กำไรสุทธิ: 18,436 ล้านบาท (ไม่รวมรายการพิเศษอยู่ที่ 3,266 ล้านบาท)
- เงินสดคงเหลือ: 45,542 ล้านบาท
- จ่ายปันผลระหว่างกาล 2.50 บาท/หุ้น คิดเป็น 3,000 ล้านบาท
- XD: 13 ส.ค. / Record Date: 14 ส.ค. / จ่ายเงิน: 28 ส.ค. 2568

SCG ยืนหนึ่งความแข็งแกร่งท่ามกลางเศรษฐกิจโลกผันผวน ด้วยกลยุทธ์ลดต้นทุน ขยายฐานผลิตในอาเซียน และส่งเสริมนวัตกรรมสินค้า Smart Value, HVA และ Green ชู ESG และความยั่งยืนเป็นหัวใจ เตรียมลุยตลาดโลกครึ่งปีหลังอย่างมั่นใจ
