
เวที “Corruption Disruptors” ชี้แนวทางใหม่สู้คอร์รัปชัน ต้องไม่แค่จับผิด แต่ออกแบบระบบที่โกงไม่ได้ ด้วยพลัง AI + Open Data พร้อมปลุกประชาชนลุกขึ้นมีส่วนร่วม เปลี่ยนความหวังให้เป็นพลัง สร้างวัฒนธรรมโปร่งใสที่ตรวจสอบได้จริง
ประเทศไทยกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในการต่อต้านคอร์รัปชัน เมื่อเทคโนโลยีอย่างปัญญาประดิษฐ์ (AI) ไม่เพียงเป็นเครื่องมือใหม่ แต่กลายเป็น “Game Changer” ที่สามารถสร้างระบบ “ไม่โกงตั้งแต่ต้นทาง” หรือ Integrity by Design ได้จริง หากผนวกพลังจากภาคประชาชนและการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐอย่างเป็นระบบ

ภายในเวทีเสวนา “Corruption Disruptors: Empowering AI to Fight Corruption” เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2568 ผู้ทรงคุณวุฒิจากไทยและนานาชาติได้ร่วมกันยืนยันว่า แนวทางเดิมที่เน้น “จับคนผิด-สร้างคนดี” ไม่เพียงพออีกต่อไป หากไม่เปลี่ยน ระบบ ที่เอื้อให้การทุจริตเกิดซ้ำซาก
“ถ้าเราปล่อยให้คอร์รัปชันเฟื่องฟู จะนำไปสู่รัฐล้มเหลว”– ศ. (พิเศษ) ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์ ประธานกรรมการสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย

AI ไม่ใช่ยาวิเศษ แต่คือโอกาสพลิกโฉม
AI อาจไม่ใช่ทางลัด แต่หากเชื่อมโยงกับ Open Data และ Data Governance จะกลายเป็นหัวใจสำคัญในการ “ออกแบบระบบที่โกงไม่ได้” โดยกรณีศึกษาจากต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ที่ในยุคโอบามาได้ริเริ่มนโยบาย Open Government เปิดข้อมูลภาครัฐให้ประชาชนเข้าถึงเป็น “ค่าเริ่มต้น” (Default) และสนับสนุนความร่วมมือระหว่างรัฐกับภาคประชาชนอย่างจริงจัง เป็นตัวอย่างสำคัญที่ไทยสามารถนำมาปรับใช้
5 ปัจจัยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่ระบบต้านโกงด้วย AI
- ระบบกฎหมายที่ไม่เลือกปฏิบัติ และบังคับใช้ได้จริง
- หน่วยงานภาครัฐต้องเปิดเผย ตรวจสอบได้
- ประชาชนต้องไม่เพิกเฉย และมีส่วนร่วมในระบบ
- สร้างวัฒนธรรมไม่ทนต่อความผิดปกติ
- Political Will และความกล้าของผู้นำในการปลดล็อกระบบ


กรณีศึกษา: เทคโนโลยีต้านโกงทั่วโลก
- เกาหลีใต้ ใช้ระบบ KONEPS ตรวจสอบจัดซื้อจัดจ้างด้วย AI
- อินโดนีเซีย ทำ One Data Indonesia รวมข้อมูลจากทุกหน่วยงาน
- สหราชอาณาจักรและสหรัฐฯ วิเคราะห์ธุรกรรมแบบเรียลไทม์
- ฮ่องกง เปิดหลักสูตรสอน AI เพื่อต่อต้านคอร์รัปชัน

ประเทศไทยต้องเดินหน้าต่อด้วยความกล้าและระบบ
ดร.มานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) (ACT) เน้นว่าโครงการ ACT AI ในไทยที่เชื่อมโยงข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างกับข้อมูลบริษัทและนักการเมือง ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี แต่ต้องต่อยอดสู่แพลตฟอร์มระดับประเทศ พร้อมสร้าง “แซนด์บ็อกซ์” ทางกฎหมายให้สามารถทดสอบและใช้จริงได้ทันที

ขณะที่ รศ.ดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค ผู้อำนวยการศูนย์ KRAC และผู้เชี่ยวชาญจาก OECD, KPK (อินโดนีเซีย) ต่างย้ำว่า Open Data ต้องไม่เป็นแค่คำพูด แต่ต้องเป็น “ระบบที่เข้าถึงง่าย ใช้งานได้จริง มีมาตรฐานเดียวกัน และไม่ผูกขาดโดยใคร”

พันธ์ศักดิ์ เสตเสถียร Risk Partner, PwC Thailand กล่าวว่า “ธรรมาภิบาลข้อมูล” (Data Governance) หรือ “การกำกับดูแลข้อมูล” ถือเป็นสิ่งสำคัญ คือ ต้องมีกฎกติกาการใช้ข้อมูล โดยข้อมุลเหล่านั้นต้องอัพเดท ข้อมูลต้องมีความสอดคล้องซึ่งกันและกัน ข้อมูลต้องมีหลายมิติ และไม่มีใครเป็นเจ้าของข้อมูล ข้อมูลคือ ทรักยากรของชาติ (National Resources) มันคือ Open Data ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ และ Data Governance ต้องถูกนำมาใช้ประโยชน์ได้ เพื่อการป้องกันการทุจริตคอรัปชั่น

“ปลาเล็ก” รวมพลังสู้โกง
หากหน่วยงานและประชาชนร่วมกันเปลี่ยนแปลง mindset ไม่รอคนดี ไม่ทำคนเดียว แต่ช่วยกัน “ออกแบบระบบไม่โกง” อย่างจริงจัง ก็จะสามารถเปลี่ยนจากผู้ถูกกระทำ เป็นผู้กำหนดเกมใหม่
“อย่าปล่อยให้ความผิดปกติกลายเป็นเรื่องปกติ”
– ข้อสรุปจากเวทีเสวนา
