
การฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมไม่ใช่ภารกิจของใครคนเดียว “เซ็นทรัล ทำ” ผนึกพลังพันธมิตรและชุมชนจันทบุรี ร่วมปลูกป่า ฟื้นฟูป่าชายเลน และสร้างเศรษฐกิจใหม่จาก Blue Carbon สู่เป้าหมาย “ชุมชนคาร์บอนต่ำ” ที่ยั่งยืน
ท่ามกลางวิกฤติสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้นทุกปี การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจึงเป็นภารกิจสำคัญ กลุ่มเซ็นทรัล จึงเดินหน้าขับเคลื่อนโครงการ “เซ็นทรัล ทำ” ที่มุ่งเน้นแนวทาง ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) โดยตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวกว่า 1,500 ไร่ ในจังหวัดจันทบุรี ผ่านการฟื้นฟู ป่าชายเลน ป่าชุมชน และพื้นที่เกษตรคาร์บอนต่ำ พร้อมเสริมความเข้มแข็งของเศรษฐกิจท้องถิ่น
พิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวว่า “โครงการ เซ็นทรัล ทำ” มีความมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนสังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน โดยมุ่งผลักดันการปลูกป่าบก ควบคู่กับการฟื้นฟูป่าชายเลน หนึ่งในระบบนิเวศ Blue Carbon ที่มีศักยภาพสูงในการดูดซับและกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ ทั้งในชีวมวลและตะกอนดินได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งทำหน้าที่เป็นแนวป้องกันภัยธรรมชาติและเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำที่ช่วยเสริมความมั่นคงทางอาหาร การอนุรักษ์ระบบนิเวศทางทะเลจึงไม่เพียงช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ แต่ยังเปิดโอกาสสู่การสร้างเศรษฐกิจใหม่ให้กับชุมชน โดยประชาชนจะมีบทบาทเป็นทั้งผู้ดูแลทรัพยากรและผู้ได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง

Blue Carbon: แนวทางแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศจากธรรมชาติ
หัวใจสำคัญของโครงการคือการฟื้นฟูระบบนิเวศชายฝั่งและทะเล หรือ Blue Carbon (คาร์บอนสีน้ำเงิน) ซึ่งเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอนที่มีศักยภาพสูง ป่าชายเลนไม่เพียงช่วยดูดซับก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ยังทำหน้าที่เป็นแนวกันคลื่น ป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง และเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารให้กับชุมชน

โครงการ “Community Climate Action (CCA)” ถูกออกแบบขึ้นเพื่อยกระดับศักยภาพชุมชนในการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยความร่วมมือครั้งนี้รวมถึง สสส. เครือข่ายชุมชนท้องถิ่น บริษัทอัตถจริยา (วิสาหกิจเพื่อสังคม) และภาควิชาการ ผ่านการพัฒนาพื้นที่ต้นแบบเพื่อฟื้นฟูระบบนิเวศ พร้อมสร้างองค์ความรู้ด้านการตรวจวัดคาร์บอน เช่น การใช้ SMART GHG Application ในการสำรวจป่าและแปลงเกษตร เพื่อติดตามการกักเก็บคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก

จากการฟื้นฟูป่า สู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ
ปี 2568: ฟื้นฟูป่าชายเลนกว่า 50 ไร่ ปลูกต้นโกงกางกว่า 7,000 ต้น และปลูกไม้ยืนต้นพื้นถิ่นอีกกว่า 5,000 ต้นในป่าชุมชน 1,450 ไร่ รวมถึงพัฒนา “ตะกร้าอาหารชุมชน” และกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศ
ปี 2569: ขยายพื้นที่อนุรักษ์เป็น 2,500 ไร่ พร้อมส่งเสริมเกษตรอินทรีย์และการผลิต “ทุเรียนคาร์บอนต่ำ” รวมถึงการวิจัยบรรจุภัณฑ์ชีวภาพจากเปลือกทุเรียนและกาบมะพร้าว
ปี 2570: ตั้งเป้าสร้างต้นแบบ “ชุมชนคาร์บอนต่ำ” ที่สามารถต่อยอดและขยายผลสู่พื้นที่อื่น

สร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิต
โครงการนี้ไม่เพียงมุ่งลดก๊าซเรือนกระจก แต่ยังเชื่อมโยงกับการพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่น เช่น การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และการสร้างรายได้ให้กลุ่มเปราะบาง ชุมชนจึงไม่ใช่เพียงผู้รับ แต่เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการดูแลทรัพยากรและได้รับประโยชน์โดยตรง
