มาห์เล ดันนวัตกรรมหลากหลายเทคโนโลยี ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ยั่งยืน

มาห์เล (MAHLE) มุ่งเป้าหมายลดคาร์บอน ผ่านกลยุทธ์ “ความหลากหลายทางเทคโนโลยี” ผสานระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า ไฮบริด และเชื้อเพลิงหมุนเวียน เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ยุโรปสู่อนาคตที่ยั่งยืน พร้อมเรียกร้องให้ EU ปรับปรุงกฎหมายควบคุม CO₂ ครอบคลุมเทคโนโลยีใหม่ ๆ

“เราต้องการให้กฎหมายมีความเป็นกลางทางเทคโนโลยี เพื่อปกป้องสภาพภูมิอากาศ รักษาการจ้างงาน และเสริมความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรมยุโรป” — อาร์นด์ ฟรานซ์ ซีอีโอ มาห์เล

เร่งลดคาร์บอนด้วย e-Mobility และทางเลือกเสริม

แม้รถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ 100% (BEV) จะเป็นเป้าหมายหลัก แต่มาห์เลเชื่อว่าโลกต้องการแนวทางที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น:

ระบบขับเคลื่อนแบบไฮบริด

ระบบเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้า (Range Extender)

เชื้อเพลิงหมุนเวียน เช่น เอทานอลและไฮโดรเจน

บริษัทคาดว่า รถยนต์ที่ใช้ Range Extender จะเติบโต 15% ต่อปีทั่วโลกถึงปี 2030 โดยเฉพาะในตลาดจีน

เรียกร้องกฎหมาย CO₂ ที่เปิดรับเทคโนโลยี

มาห์เลย้ำว่า ยุโรปต้องเร่งปรับปรุงกฎหมาย CO₂ ให้รองรับเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงที่เป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศ หากไม่มีการสนับสนุนด้านกฎระเบียบ อาจส่งผลต่อการลงทุนในเทคโนโลยีเหล่านี้ในอนาคต

กลยุทธ์ MAHLE 2030+: ขับเคลื่อนทุกทางสู่เป้าหมาย

นอกจาก e-mobility บริษัทยังเดินหน้าด้วยระบบขับเคลื่อนทุกรูปแบบ:

ระบบจัดการความร้อนประสิทธิภาพสูง

เครื่องยนต์สันดาปที่ใช้เชื้อเพลิงสะอาด

การออกแบบผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับเชื้อเพลิงหมุนเวียน

ไฮไลต์เทคโนโลยีใหม่ในงาน IAA Mobility 2025

มาห์เลเตรียมจัดแสดงนวัตกรรม 3 ด้านหลัก:

ระบบเปลี่ยนน้ำมันเป็นพลังงานไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่

เพิ่มระยะทางสูงสุดถึง 1,350 กม.

ใช้เครื่องยนต์ Jet Ignition และระบบ 800V

2. โมดูลจัดการความร้อนแบบครบวงจร

เพิ่มระยะทางรถยนต์ไฟฟ้าสูงสุด 20%

รองรับสารทำความเย็นหลากหลาย

3. พัดลมหมุนเหวี่ยงแบบไบโอนิก

ได้แรงบันดาลใจจากปีกเพนกวิน

เงียบขึ้น 60%, ประสิทธิภาพสูงขึ้น 15%

AI และการปรับองค์กร: เร่งสู่ความยืดหยุ่น

มาห์เลใช้ AI และแมชชีนเลิร์นนิงในการเพิ่มประสิทธิภาพทั้งโรงงานและสำนักงาน รวมถึงดำเนินแผน “Back on Track 2025” ซึ่งเน้นการใช้พลังงานหมุนเวียน และลดการใช้พลังงานฟุ่มเฟือย