“Beyond Fruit to Global Wellbeing” — นี่คือคำประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ของ บมจ.มาลี กรุ๊ป (MALEE) ที่สะท้อนการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของบริษัทในรอบกว่า 47 ปี จากแบรนด์น้ำผลไม้ระดับชาติ สู่ “บริษัทสุขภาวะระดับโลก” ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและพลังแห่งธรรมชาติ
ปรับกลยุทธ์ ยกระดับจากแบรนด์ผลไม้สู่แบรนด์สุขภาพระดับภูมิภาค
ภายใต้การนำของ เอกรินทร์ พินิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาลี กรุ๊ป ( MALEE) ซึ่งเข้ารับตำแหน่งหัวเรือใหญ่ขององค์กร ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2568 เป็นต้นมา โดยก่อนหน้านั้น เขาเคยดำรงตำแหน่ง รองประธานอาวุโสฝ่ายขาย บริษัทมาลีกรุ๊ป มีประสบการณ์ และความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการตลาด มีวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ พร้อมทั้งทำงานร่วมกับคณะกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูง ตั้งแต่การวางนโยบาย ไปจนถึงการขับเคลื่อนการเติบโตของยอดขายและผลกำไรของบริษัทได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ล่าสุด เอกรินทร์ ได้ประกาศทรานส์ฟอร์มองค์กรครั้งสำคัญในรอบทศวรรษ ด้วยวิสัยทัศน์ในการเป็น “Regional Trusted Brand and Business Partner” หรือ แบรนด์และพันธมิตรทางธุรกิจที่เชื่อถือได้ในระดับภูมิภาค โดยมีเป้าหมายปรับเปลี่ยนองค์กร จากบริษัทน้ำผลไม้ สู่การเป็น “Global Wellbeing Company” เต็มรูปแบบในปี 2571 โดยมีเป้าหมายรายได้เติบโตเฉลี่ย 10-15% ต่อปี (CAGR 2569–2571)
หัวใจของกลยุทธ์ใหม่นี้คือแนวคิด “One Malee” หลอมรวมพลังคนในองค์กร ทีม และเป้าหมายให้เป็นหนึ่งเดียว ที่ขับเคลื่อนตามแนวทาง ESG ที่ประกอบด้วย Environmental (สิ่งแวดล้อม), Social (สังคม) และ Governance (ธรรมาภิบาล) มุ่งสู่พันธกิจเดียวกันในการส่งมอบ “สุขภาวะที่ดี” ทั้งสุขภาพและความสุขให้กับผู้บริโภคทั่วโลก

2 ธุรกิจหลักขับเคลื่อนการเติบโต
มาลี จัดพอร์ตธุรกิจใหม่เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการสร้างแบรนด์และความมั่นคงทางรายได้
- ธุรกิจตราสินค้า (Brand Business):
มุ่งยกระดับแบรนด์ “MALEE” และ “MALEE COCO” สู่ Wellness Lifestyle Brand ระดับภูมิภาค พร้อมพัฒนานวัตกรรม Functional Drinks และผลิตภัณฑ์สุขภาพใหม่ปีละ 2–3 รายการ เช่น Malee Power Plants ที่ใช้นวัตกรรม INNOGUTZ เสริมสุขภาพลำไส้ด้วยพรีไบโอติกส์และโพสไบโอติกส์
นอกจากนี้ หน่วยงาน Malee Applied Science (MAS) ที่ก่อตั้งมากว่า 10 ปี ได้พัฒนาความเข้มข้นของการดำเนินงานสู่รูปแบบบริษัท โดย MAS จะเป็นศูนย์กลาง R&D ด้านนวัตกรรมอาหาร อาหารเสริม และผลิตภัณฑ์ความงาม ด้วยเทคโนโลยีจาก Agri Tech, Food Tech, Nano Tech และ Bio Tech เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มสูง

“เรามีหน่วยงาน MAS มานานกว่า 10 ปี โดยเริ่มต้นทำหน้าที่ค้นคิดวิจัยและพัฒนา Ingredient ให้กับมาลีเอง และขณะนี้ได้เติบโต จนสามารถขยายการดำเนินงาน รองรับความต้องการของทั้งมาลีเอง และพัฒนาสู่ Ingredient ที่ตอบโจทย์พันธมิตร โดย MAS จะขับเคลื่อนทั้งนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ของมาลี และสร้างรายได้จากการพัฒนา Ingredient ให้กับคู่ค้า”

- ธุรกิจรับจ้างผลิต (Contract Manufacturing: CMG):
มาลียกระดับบทบาทจากผู้ผลิต OEM สู่ “Partner of Choice” ของแบรนด์ระดับโลก โดยเพิ่มโซลูชันครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาสูตร การผลิต ไปจนถึงนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ พร้อมรักษาฐานพันธมิตรเดิมและขยายตลาดใหม่ในหมวด Plant-based Milk, Dairy, Tea & Coffee

กลยุทธ์การเติบโตเชิงภูมิภาค ปักธง 4 ตลาดเป้าหมายหลัก
ปัจจุบันมาลีส่งผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายไปสู่ตลาดต่างประเทศกว่า 30 ประเทศ และวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้ต่างประเทศเป็น 55% ภายในปี 2571 จากปัจจุบันที่มีรายได้ราว 40% ของยอดขาย โดยเน้นการรุกเชิงกลยุทธ์ใน 4 ตลาดศักยภาพสูง ได้แก่


ซีอีโอ ต้องการนำพา มาลีเดินหน้าสร้างแบรนด์ให้เข้าถึงผู้บริโภครุ่นใหม่ ขณะเดียวกันยังมุ่งเป้าขยายตลาดต่างประเทศใน 4 เป้าหมายหลักอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็น จีน เกาหลีใต้ ตะวันอออกกลาง และอินโดนีเซีย ซึ่งล่าสุด มาลี ได้เลือก จางหลิงเฮ่อ (Zhang Linghe) นักแสดงชาวจีน แต่งตั้งให้เป็น APAC Brand Ambassador (แบรนด์แอมบาสเดอร์ระดับเอเชียแปซิฟิก) คนแรกของ Malee COCO ในแคมเปญ “Beauty Effortlessly” เพื่อตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์สุขภาพที่เข้าถึงง่ายและร่วมสมัย ซึ่งในปีหน้า มาลี ยังเตรียมเพิ่มงบการตลาดต่างประเทศ เพื่อสร้างการรับรู้และขยายฐานผู้บริโภคใหม่อย่างจริงจัง

การลงทุนและศักยภาพการผลิต
เอกรินทร์ อธิบายเพิ่มเติมว่า มาลีมีกำลังการผลิตรวมกว่า 749 ล้านลิตร จาก 3 โรงงานในไทยและเวียดนาม ใช้กำลังผลิตเพียง 60% เปิดโอกาสรองรับการเติบโตได้อีกกว่า 40% ส่วนทิศทางการลงทุน (CAPEX) จะมุ่งสู่ Automation, AI และ Smart Manufacturing เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และยกระดับมาตรฐานการผลิตสู่ระดับสากล
แม่ทัพมาลี ยังไขรหัส ความสำคัญของ MAS และ ESG ที่เป็นเครื่องมือสำคัญของการขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน เอกรินทร์ บอกว่า MAS จะกลายเป็น Profit Center ที่สร้างรายได้จาก 3 ช่องทางหลัก คือ 1. การพัฒนานวัตกรรมสุขภาพให้กับผลิตภัณฑ์มาลี 2. จำหน่ายสารออกฤทธิ์ (Active Ingredients) ให้กับบริษัทในอุตสาหกรรมอาหารและความงาม และ 3. Upcycle ของเหลือจากกระบวนการผลิตให้เกิดมูลค่าเพิ่ม

ในขณะเดียวกัน มาลีเดินหน้าดำเนินธุรกิจภายใต้กรอบ ESG ครบวงจร
- สิ่งแวดล้อม: ลงทุนในพลังงานสะอาด Solar Rooftop และบริหารจัดการของเสียแบบ Zero Waste
- สังคม: พัฒนาโครงการสุขภาพในชุมชน
- ธรรมาภิบาล: ยึดหลักการกำกับดูแลกิจการตามมาตรฐาน GCC
พร้อมกันนี้ ยังให้ความสำคัญกับ “คน” บุคลากรและวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นฟั่นเฟืองสำคัญที่ขาดไม่ได้ CEO คนใหม่ สร้างวัฒนธรรมองค์กรใหม่ ภายใต้ T.O.P. เพื่อส่งเสริมการแข่งขัน โดย T คือ Teamwork, O คือ Ownership, และ P คือ Purposeful Leader หรือ ผู้นำที่มีเป้าหมายชัดเจน

ทั้งหมดนี่คือ แนวทางการขับเคลื่อนมาลี กรุ๊ป ภายใต้การดำเนินการเชิงกลยุทธ์ From Juice Leader to Wellbeing Innovator โดย มาลี กรุ๊ป กำลังเดินหน้าจาก “ผู้นำตลาดน้ำผลไม้” สู่ “ผู้นำด้านสุขภาวะระดับโลก” โดยใช้พลังของแบรนด์ นวัตกรรม และบุคลากรเป็นเครื่องยนต์หลัก ภายใต้วิสัยทัศน์ Beyond Fruit to Global Wellbeing ที่มุ่งสร้างคุณค่าทางธุรกิจควบคู่กับคุณค่าทางสังคม

