ทุกวันที่ 26 กรกฎาคมของทุกปี คือ วันป่าชายเลนโลก (International Day for the Conservation of the Mangrove Ecosystem) วันที่ทั่วโลกตระหนักถึงคุณค่าของป่าชายเลน—ระบบนิเวศชายฝั่งที่ทั้งอุดมสมบูรณ์และเปราะบางที่สุดแห่งหนึ่ง
ทำไม “ป่าชายเลน” จึงสำคัญ?
- ดูดซับคาร์บอนมากกว่าป่าอื่น 2–4 เท่า
ต้นโกงกาง แสม ลำพูในป่าชายเลนไม่ได้แค่ให้ร่มเงา แต่ยังช่วยกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มหาศาลในดินและซากพืช ซึ่งเป็นอาวุธลับต่อสู้ภาวะโลกร้อน
- แนวกันชนธรรมชาติจากพายุ-น้ำทะเลหนุน
ในยุคที่ภัยพิบัติมาเยือนถี่ขึ้น ป่าชายเลนคือแนวป้องกันธรรมชาติที่ช่วยลดแรงคลื่น กันการกัดเซาะ และป้องกันน้ำท่วมชายฝั่งอย่างได้ผล
- แหล่งอาหาร รายได้ และความหลากหลายทางชีวภาพ
ไม่เพียงเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำกว่า 2.1 ล้านชีวิต ป่าชายเลนยังหล่อเลี้ยงชุมชนให้มีอาหาร ยา พลังงาน และสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
ไทยกับป่าชายเลน: หนึ่งในผู้นำของอาเซียน
ประเทศไทยติด Top 5 ประเทศที่มีพื้นที่ป่าชายเลนมากที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นตัวอย่างในการใช้ประโยชน์อย่างสมดุลผ่านโมเดลเศรษฐกิจ BCG (Bio-Circular-Green)
แต่…แม้ป่าชายเลนจะทรงคุณค่าเพียงใด ก็ยังถูกคุกคามจาก:
• การรุกพื้นที่เพื่อเมืองและอุตสาหกรรม
• การตัดไม้ทำลายป่า
• มลพิษจากขยะ โดยเฉพาะพลาสติก
• การเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำทะเลและภูมิอากาศ
ถ้าเราไม่ลงมือ ผลกระทบจะมหาศาล
- คาร์บอนกว่า 1.8 พันล้านตัน จะถูกปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ
- ความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินจากน้ำท่วมชายฝั่งกว่า 36 พันล้านดอลลาร์
- ผลผลิตจากการประมงที่พึ่งพาป่าชายเลนอาจลดลงถึง 14%
แล้วเราจะช่วย “ป่าชายเลน” ได้อย่างไร?
- ลดการใช้พลาสติก – ขยะชิ้นเล็กคุกคามชีวิตสัตว์ทะเลและรากไม้
- ลดคาร์บอน – ใช้ขนส่งสาธารณะ ปลูกต้นไม้ ใช้พลังงานสะอาด
- ร่วมฟื้นฟูป่าชายเลน – มีกิจกรรมปลูกป่าจากทั้งรัฐ เอกชน และ NGO
- แชร์ความรู้ – สร้างเครือข่ายนักอนุรักษ์ผ่านการบอกต่อเรื่องจริง
วันป่าชายเลนโลก จึงไม่ใช่แค่วันธรรมดา แต่เป็นโอกาสที่เราทุกคนจะ “ทบทวนสิ่งที่ธรรมชาติให้ และตอบแทนด้วยการลงมืออนุรักษ์”
“ประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ และมีภูมิคุ้มกันต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการมีส่วนร่วมของประชาชน”

