สมรสเท่าเทียมหนุนตลาดอสังหาฯ คึก! คู่รัก LGBTQ+ ดันดีมานด์ “บ้านในฝัน” โตแรงในยุคเศรษฐกิจสีรุ้ง CMMU ชี้ กลุ่ม LGBTQIAN+ ในไทยมีมากถึง 5.9 ล้านคน และกว่า 54% ของคนกลุ่มนี้ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย
การประกาศใช้ กฎหมายสมรสเท่าเทียม อย่างเป็นทางการในวันที่ 23 มกราคม 2568 ไม่เพียงสะท้อนความก้าวหน้าทางสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย แต่ยังเปิดประตูสู่โอกาสทางเศรษฐกิจใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่ม อสังหาริมทรัพย์สำหรับคู่รัก LGBTQ+ ที่กำลังกลายเป็นกลุ่มผู้บริโภคศักยภาพสูงใน “เศรษฐกิจสีรุ้ง” (Rainbow Economy)
LGBTQIAN+ กำลังซื้อสูง ดันอสังหาฯ โต
งานวิจัยโดยวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ชี้ว่า กลุ่ม LGBTQIAN+ ในไทยมีมากถึง 5.9 ล้านคน หรือราว 9% ของประชากรทั้งหมด และกว่า 54% ของคนกลุ่มนี้ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะ บ้านเดี่ยว ในงบประมาณ 3–5 ล้านบาท สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคที่พร้อมใช้จ่ายเพื่อลงหลักปักฐานกับคู่ชีวิต

เข้าใจ “สินสมรส” เมื่อคู่ชีวิตมีบ้านร่วมกัน
ภายใต้ พ.ร.บ. สมรสเท่าเทียม คู่รัก LGBTQ+ ที่จดทะเบียนสมรสสามารถจัดการทรัพย์สินร่วมกันได้ตามกฎหมาย เช่น การซื้อ-ขาย-โอนที่ดิน การปล่อยเช่าเกิน 3 ปี หรือการนำสินสมรสไปค้ำประกัน โดยต้องมีความยินยอมจากทั้งสองฝ่าย ซึ่งถือเป็นการสร้างความมั่นใจและความเท่าเทียมในการวางแผนชีวิตคู่ในระยะยาว
กู้ร่วมง่ายขึ้น สร้างอนาคตได้เร็วขึ้น
การเปิดทางให้คู่รัก LGBTQ+ สามารถ กู้ร่วมซื้อบ้านหรือคอนโดฯ ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย คืออีกหนึ่งแรงผลักดันสำคัญ โดยหลายธนาคารเริ่มปรับเกณฑ์และเปิดตัวแคมเปญพิเศษให้กับคู่สมรสเพศเดียวกัน เพื่อเพิ่มโอกาสให้ได้วงเงินสูงขึ้น พร้อมใส่ชื่อร่วมกันในกรรมสิทธิ์ตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด
DINKs – รายได้คู่ ไม่มีลูก กำลังซื้อมหาศาล
แนวคิด “DINKs – Double Income No Kids” หรือคู่รักที่มีรายได้สองทางแต่ไม่มีลูก กำลังมาแรงในกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะในกลุ่ม LGBTQ+ ซึ่งมีอิสระทางการเงินและมีแนวโน้มใช้จ่ายเพื่อสร้างความสุขส่วนตัวสูง ส่งผลให้ตลาด อสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัยและการลงทุน ได้รับความสนใจอย่างมาก ทั้งการซื้อปล่อยเช่า รายเดือน หรือการลงทุนในกองทุนอสังหาริมทรัพย์
บ้านใกล้โรงพยาบาล – ปัจจัยใหม่ที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญ
จากผลสำรวจของ DDproperty พบว่า 22% ของผู้บริโภคไทยให้ความสำคัญกับทำเลที่อยู่ใกล้โรงพยาบาล โดยเฉพาะกลุ่มคู่รัก LGBTQ+ ที่วางแผนชีวิตระยะยาวร่วมกัน ทำให้โครงการที่ตั้งอยู่ใกล้สถานพยาบาลกลายเป็นตัวเลือกยอดนิยม เพราะตอบโจทย์ทั้งด้านสุขภาพและความอุ่นใจในทุกสถานการณ์
เทรนด์ “Pet-Friendly” พุ่ง! เพราะสัตว์เลี้ยงคือครอบครัว
อีกหนึ่งเทรนด์ที่เติบโตแรงในกลุ่ม LGBTQIAN+ และ DINKs คือ “Pet Humanization” หรือการเลี้ยงสัตว์เสมือนสมาชิกในครอบครัว ส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวตาม เปิดโครงการ คอนโดฯ Pet-Friendly เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว โดยล่าสุดมีมากกว่า 23,000 ยูนิตในเขตกรุงเทพฯ–ปริมณฑล

ขณะเดียวกัน คู่รักที่มีสัตว์เลี้ยงควรศึกษาเงื่อนไขโครงการ และทำความเข้าใจ ข้อบัญญัติการควบคุมสัตว์ในเมือง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่จะมีข้อกำหนดใหม่ในปี 2569 เพื่อให้ทุกชีวิตในบ้านอยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่น
“สมรสเท่าเทียม” ไม่ใช่แค่เรื่องสิทธิ แต่คือพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่
การขยายสิทธิของคู่สมรส LGBTQIAN+ นอกจากจะสะท้อนถึงความเสมอภาคในสังคมไทยแล้ว ยังเป็นแรงหนุนสำคัญต่อภาคธุรกิจ โดยเฉพาะในตลาดที่อยู่อาศัยที่ต้องปรับตัวให้ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะทาง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อ กฎหมาย ทรัพย์สิน หรือไลฟ์สไตล์แบบ DINKs และ Pet-Friendly
เพราะในยุคที่ “ความรักชนะทุกอย่าง” ใคร ๆ ก็อยากมี “บ้านในฝัน” ที่สร้างร่วมกันได้อย่างเท่าเทียม

