คาโอ ผนึก คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เปิดตัว “ถนนสีเขียว Green Pavement” บนพื้นที่ภายในมหาวิทยาลัย หนุนแนวคิด เศรษฐกิจหมุนเวียน ด้วยนวัตกรรม NEWTLAC ที่เปลี่ยนขวดพลาสติก PET ที่ใช้แล้วให้กลายเป็นส่วนผสมยางมะตอยสำหรับสร้างถนนที่ทั้ง แข็งแรง ทนทาน และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ถนนสายนี้ใช้เงินลงทุนและวัสดุสนับสนุนจาก คาโอ อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) กว่า 1.23 ล้านบาท รีไซเคิลขวดพลาสติก PET ได้มากถึง 18,909 ใบ บนระยะทางกว่า 469 เมตร และพื้นที่กว่า 3,000 ตารางเมตร นับเป็นต้นแบบของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน และการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า
NEWTLAC: จากขยะพลาสติก สู่ถนนรักษ์โลกที่แข็งแรงกว่าเดิม
NEWTLAC คือเทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่นที่นำขวด PET มาแปรรูปเป็นผงละเอียดคล้ายทราย ก่อนนำไปผสมกับยางมะตอยชนิดพิเศษ ซึ่งให้คุณสมบัติเหนือกว่ายางมะตอยทั่วไป ทั้งด้าน:
- ความแข็งแรง และ อายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น
- ความสามารถในการซึมน้ำ (Porous Asphalt) ช่วยลดน้ำขัง
- ทนต่อการกัดเซาะน้ำฝน และสภาพอากาศ
- รักษาระบบนิเวศ และต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่โดยรอบ

มช. ชูถนนสีเขียวเป็น “Living Lab” นวัตกรรมที่จับต้องได้
รศ.ดร.ธงชัย ฟองสมุทร คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวถึงโครงการนี้ว่า นอกจากจะเป็นการร่วมมือเชิงวิชาการที่ตอบโจทย์ด้านวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อมแล้ว ถนนสายนี้ยังเป็น “Living Lab” หรือห้องทดลองกลางแจ้ง ที่ให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากโครงสร้างพื้นฐานจริง
“ถนนนี้ไม่เพียงแค่รีไซเคิลขยะพลาสติกได้เท่านั้น แต่ยังช่วย ดูดซับน้ำ และ รักษาสภาพแวดล้อมเดิมของมหาวิทยาลัย ได้อย่างลงตัว ถือเป็นต้นแบบที่สามารถต่อยอดสู่งานวิจัยและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศในอนาคต”
คาโอเดินหน้าผลักดันถนนจากขยะรีไซเคิลสู่สาธารณะ
โครงการ “Green Pavement” ณ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถือเป็น โครงการที่ 3 ที่คาโอได้นำนวัตกรรม NEWTLAC ไปใช้จริง ต่อจาก:
- นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี – พื้นที่ 500 ตร.ม.
- ทางด่วนดินแดง-ดอนเมือง (โทลล์เวย์) – พื้นที่รวม 1,500 ตร.ม.

ความสำเร็จของทั้ง 3 พื้นที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงของคาโอในการ ลดขยะพลาสติก, เพิ่มมูลค่าให้กับของเหลือใช้ และ สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ตอบโจทย์สิ่งแวดล้อมในระยะยาว
“ถนนรีไซเคิล” ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่คือการลงมือทำจริง
นวัตกรรม NEWTLAC ของคาโอพิสูจน์แล้วว่า ขวดพลาสติกที่เคยเป็นขยะ สามารถเปลี่ยนเป็นโครงสร้างที่ยั่งยืนได้จริง พร้อมทั้งสร้างประโยชน์ในระดับชุมชนและสาธารณะ ต่อยอดสู่การพัฒนาเมืองที่ไม่เพียงสะอาด แต่ยังแข็งแรง และรักษ์โลก

